หน้าที่ส่วนใหญ่ที่ซิสเตอร์อันนาได้รับมอบหมายเมื่อไปอยู่ตามวัดคืองานด้านการศึกษา
ซิสเตอร์เคยทำหน้าที่ทั้งครูใหญ่และครูน้อยของโรงเรียนอยู่หลายแห่ง และบางแห่งท่านได้ทำงานอยู่หลายปี ท่านเคยแบ่งปันว่า ท่านประทับใจวัดนักบุญอันนา ท่าจีนมากที่สุด เพราะท่านอยู่ที่วัดนี้นานและอยู่ถึงสองสมัย
ทำให้ท่านได้รู้จักสัตบุรุษมากมายและได้ทำงานด้านโรงเรียนอย่างเต็มที่ ท่านพบพรสวรรค์ในตัวท่านที่เด่นชัดคือการสอนเรียนและการพูดเตือนจิตใจ ดังนั้นตลอดเวลาที่
ซิสเตอร์ได้ถูกส่งไปทำงานตามวัด ท่านจึงทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับงานด้านการสอนเรียน ทำให้ท่านมีลูกศิษย์มากมาย นอกจากนั้นท่านยังเป็นผู้ที่เอาใจใส่ในงานอภิบาลโดยการออกเยี่ยมเยียนชาวบ้าน ด้วยการไปร่วมสวดภาวนาตามบ้านหรืออวยพรพระกุมาร สอนคำสอนและพูดเตือนจิตใจจนทำให้ คริสตชนหลายคนได้กลับใจมาหาพระเจ้า
จากประวัติส่วนตัวของซิสเตอร์ดูเหมือนท่านเป็นคนที่มีสุขภาพไม่สู้ดีนัก เพราะท่านเคยเข้ารับการผ่าตัดมาหลายครั้ง แต่ภาพที่สมาชิกเห็นซิสเตอร์อันนานั้น ท่านเป็นคนที่มีความขยัน มุมานะ
อดทนและอุทิศตนรับใช้พระเจ้าอย่างเต็มที่โดยไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อยในทุกๆที่
ที่ซิสเตอร์ได้รับมอบหมายให้ไปทำงาน จนคุณพ่อเจ้าวัดหลายท่านได้รายงานว่าท่านเป็นคนที่เอาจริงเอาจัง มีความรับผิดชอบและเอาใจใส่ต่องานที่ได้รับมอบหมายเป็นอย่างดี ในปี 1991
ซิสเตอร์อันนาต้องเข้ารับการผ่าตัดและพบว่าท่านเป็นมะเร็งที่ลำไส้ คณะจึงให้ท่านได้เข้าพักรักษาตัวและมาใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านพระแม่ฯ โดยยังคงทำหน้าที่ที่สามารถทำได้ อาทิเช่น การรับแขกหน้าอาราม
การก่อสวดและช่วยดูแลคนเจ็บป่วยของบ้านพระแม่ฯ ซิสเตอร์อันนาเป็นคนซื่อๆ ร่าเริง เปิดเผย และมีมนุษยสัมพันธ์ดีเยี่ยม ท่านเป็นซิสเตอร์ที่มีความจำเป็นเลิศ เป็นต้นชื่อของสมาชิกในคณะ ท่านสามารถจดจำได้ทั้งหมด
หรือแม้แต่พระสงฆ์ พ่อแม่ของสมาชิก สัตบุรุษที่ท่านรู้จักหรือบรรดาลูกศิษย์ ท่านมักจะเอ่ยนามและค่อยถามถึงด้วยความห่วงใยเสมอ ซิสเตอร์อันนาป็นบุคคลที่มีความศรัทธา และเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับสมาชิกในฐานะนักบวช
ในช่วงที่ท่านพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านพระแม่ฯ ทุก ๆ วันท่านจะเป็นผู้นำในการสวดภาวนา และภาวนาเสียงดัง อย่างศรัทธาและท่านยังใช้เวลาในการสวดภาวนาเงียบ ๆอยู่เสมอมิได้ขาด เมื่อมีสมาชิกไปเยี่ยมท่าน ท่านมักจะบอกกับผู้มาเยี่ยมว่า
ท่านสวดภาวนาให้อยู่เสมอและท่านจะเตือนน้อง ๆ ที่ไปเยี่ยมท่านว่าให้หมั่นสวดภาวนาทุกๆวัน อย่าทิ้งการสวดภาวนา ท่านเป็นแบบอย่างของผู้ที่มีใจสุภาพ นอบน้อมอยู่เสมอ และพร้อมที่จะน้อมรับทุกสิ่งเป็นพลีบูชา
เพราะท่านให้ความเคารพต่อผู้ใหญ่ของคณะทุก ๆ ท่าน เพราะท่านเชื่อว่าผู้ใหญ่ของคณะเป็นผู้แทนของพระองค์ ท่านพร้อมที่จะปฏิบัติตามสิ่งที่ผู้ใหญ่ได้บอกกล่าวด้วยใจยินดี
นอกจากนี้ท่านเป็นแบบอย่างของสมาชิกที่มีใจรักคณะและรักสมาชิกอีกด้วย นอกจากจะคอยสวดภาวนาให้ ท่านยังคอยติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของคณะและของสมาชิกมิได้ขาด พร้อมทั้งคอยให้กำลังใจสมาชิกอยู่เสมอไม่ว่าจะทั้งซิสเตอร์และผู้ฝึกหัดทุกรุ่น
เมื่อครั้งที่ท่านฉลองครบรอบ 50 ปีท่านเคยฝากข้อคิดให้กับน้อง ๆ เพื่อที่จะเป็นผู้ที่ถวายตัวที่ดีว่า “อยากให้น้อง ๆ ทุกคน มีความตั้งใจจริง มีความพากเพียร ไม่ท้อถอยต่ออุปสรรค มีความอดทน มุ่งไปข้างหน้า เมื่อผิดพลาดก็ไม่ต้องท้อถอย
ให้ถือข้อผิดพลาดนั้นเป็นบทเรียน แล้วเดินหน้าต่อไป” และท่านยังได้แบ่งปันคติพจน์ของท่านไว้ว่า “จงอธิษฐานภาวนาอยู่เสมอ เพื่อท่านจะไม่ตกอยู่ในการทดลอง” ตลอดระยะเวลาแห่งการเป็นผู้ถวายตัวแด่พระเป็นเจ้าในชีวิตนักบวชของซิสเตอร์อันนา
ท่านได้มอบแบบอย่างที่ดีและงดงามยิ่งให้กับพวกเราสมาชิกทุก ๆ คน เป็นต้นตลอดเวลา 20 ปีที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายและสมถะตามฐานะนักบวชที่ บ้านพระแม่ฯ บุคคลที่เข้ามาสัมผัสกับชีวิตของท่าน ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกในบ้านพระแม่ฯ
ด้วยกันเอง สมาชิกในคณะและผู้ฝึกหัดทุกคน รวมทั้งบุคคลที่เข้ามาพบปะ พูดคุยท่าน ต่างได้เห็นประจักษ์พยานที่มีชีวิตขององค์พระคริสตเจ้าในตัวของซิสเตอร์อันนาอย่างแท้จริง เพราะท่านอุทิศทั้งชีวิตต่อการให้บริการรับใช้ในทุกรูปแบบ
โดยไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย และด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มอยู่เสมอ ในช่วงวาระสุดท้ายของซิสเตอร์อันนา ท่านได้เข้ารับการผ่าตัดก้อนเนื้อที่ตับอ่อน ณ โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์และแพทย์ต่อลำไส้ไปยังกระเพาะเพื่อให้สามารถรับประทานอาหารได้
ท่านต้องรับความทรมานต่อความเจ็บปวดเป็นอย่างมาก
เป็นต้น ต่อการที่ไม่สามารถที่จะรับประทานอาหารอะไรได้มากนักเป็นเวลายาวนานถึง 2 เดือนครึ่ง ที่สุดพระองค์ทรงเห็นว่าซิสเตอร์อันนาเหมาะสมที่จะไปอยู่กับพระองค์จึงมารับท่านเข้าร่วมส่วนกับพระองค์ในเมืองสวรรค์ในวันพุธที่ 8 มิถุนายน 2011 เวลาประมาณ 22.30 น.
|