มธ 24: 37-44...จงเตรียมพร้อมไว้ เพราะว่าบุตรแห่งมนุษย์จ
ะเสด็จมาในเวลาที่ท่านมิได้คาดหมาย... ในวันนี้ ขณะที่เรากำลังเริ่มปีพิธีกรรมใหม่ของพระศาสนจักร พระวาจาของพระเจ้าเชิญชวนเ
ราให้ขึ้นไปยังภูเขาขององค์พระผู้เป็นเจ้า ไปยังพระวิหารพระเจ้าของยาโคบ แล้วพระองค์จะ
ทรงสอนวิถีทางของพระองค์ให้เรา และจะทรงช่วยเราให้เดินอยู่ในแสงสว่างของพระองค์...เร
าซึ่งกำลังชุมนุมกันอยู่ในบ้านของพระเจ้า ให้เราได้ไตร่ตรองดูว่าเราแต่ละคนต้องการคำแน
ะนำและความช่วยเหลือจากพระองค์มากน้อยสักแค่ไหนในการเดินทางแห่งชีวิตมุ่งสู่พระอาณ
าจักรพระเจ้า
บทบาทหน้าที่ที่สำคัญของเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า ก็คือเป็นการเตรียมจิตใจของบรรดาสัตบุรุษสำหร
ับการเฉลิมฉลองวันคริสต์มาสหรือวันพระคริสตสมภพและการรอคอยการเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่งของบุตรแห่งมน
ุษย์... และเพื่อว่าเราจะได้สามารถเข้าใจวันคริสต์มาสได้ดี เราต้องเริ่มตั้งต้นด้วยประวัติศาสตร์แห่งการช่วยให้รอดพ้น
แผนการแห่งการช่วยให้รอดพ้นของพระเจ้า มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่องค์พระเยซูคริสตเจ้าและจะได้รับการปฏิ
บัติจนสำเร็จผ่านทางพระองค์...เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าจะมองย้อนหลังไปที่พระสัญญาของการเส
ด็จมาครั้งแรกของพระองค์ เมื่อแผนการนั้นได้รับการประกาศให้ทราบ อีกทั้งพลางมองไปข้างหน้าที่การจะเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่งของพระอง
ค์ เมื่อแผนการนั้นจะไปถึงขั้นสำเร็จบริบูรณ์...ส่วนว่าในขณะนี้เรากำลังทำการเฉลิมฉลองการเสด็จมาของพระองค์ในในชีวิตประจำวันของเราแ
ต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นในพิธีบูชาขอบพระคุณ ในการสวดภาวนา ในพระวาจา ในการทำกิจเมตตา และในการทำหน้าที่ประจำวันของเราแต่ละคน
ฯลฯ
ในบทอ่านที่หนึ่งจากหนังสือของท่านประกาศกอิสยาห์ (อสย 2: 1-5) ท่านประกาศกได้กล่าวถึงพระแมสสิยาห์และช่วงเวลาของพระองค์ ท่
านประกาศกพยายามรักษาความหวังของประชาชนให้ตื่นตัวอยู่เสมอในช่วงเวลาที่ยากลำบากของพวกเขา ในพระวาจาของวันอาทิตย์นี้โดยรวมจะ
กล่าวถึงสันติภาพสำหรับทุกๆชาติในโลกและการช่วยให้รอดพ้นสำหรับมนุษยชาติ ส่วนพระวรสารและบทอ่านที่สอง (รม 13: 11-14) ก็จะพูดถึง
การเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่งขององค์พระเยซูคริสตเจ้าซึ่งบรรดาคริสตชนรุ่นแรกๆเชื่อกันว่าจะเกิดขึ้นไม่ช้านักในยุคเวลาของพวกเขา บทอ่านท
ั้งสองบทนี้ พยายามที่จะสื่อความเร่งด่วนและการเตรียมพร้อมสำหรับชีวิตให้กับเรามนุษย์ทุกๆคน โดยใช้คำว่า “จงตื่นเฝ้าระวัง” “จงเตรียมพร้อมไว้” “ต้องตื่นขึ้นจากความหลับ” ดังนี้เป็นต้น
พิธีกรรมแห่งพระวาจาในวันอาทิตย์ที่หนึ่งของเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า...จากเสียงเตือนของนักบุญเปาโลที่บอกพวกเราให้ตื่นข
ึ้น “บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่จะต้องตื่นขึ้นจากความหลับ เพราะขณะนี้ความรอดพ้นอยู่ใกล้เรามากกว่าเมื่อเรามีความเชื่อ” (รม 13: 11) บางทีเราอาจจะตื่นแล้ว ลุกจากที่นอนแล้ว แต่ยังครึ่งหลับครึ่งตื่นอยู่ เพราะจิตสำนึกของเรายังมิได้ถูกปลุกให้ตื่นตัวอย่างเต็มที่ เรายังไม่มีความเข้าใจ ไ
ม่มีวิสัยทัศน์ที่ถูกต้องเกี่ยวกับการเสด็จมาของพระคริสตเจ้าไม่ว่าจะเป็นครั้งแรกหรือครั้งที่สอง ต้องอย่าลืมว่าอะไรๆย่อมจะเกิดขึ้นได้เสมอโ
ดยที่เราไม่ทันคาดคิดไว้ ซึ่งอาจจะทำให้เราช็อคก็เป็นได้ ดังนั้นเราจึงต้องคอยตื่นเฝ้าระวังอยู่เสมอทุกๆขณะ
วันทุกวันคอยปลุกเรียกเราให้ตื่นขึ้นจากการหลับ จากความสะลึมสะลือ บางครั้งเราไม่สามารถจะรอจนถึงรุ่งสางของวันรุ่งขึ้นได้ เราจำเป็น
ต้องลุกขึ้นก่อนเวลา แต่ว่าเราก็รู้สึกดี เมื่อเราตื่นแต่เช้าตรู่ เรารู้สึกขอบคุณพระเจ้าสำหรับพระพรแห่งวันใหม่ของพระองค์ เป็นโอกาสที่เราจ
ะทำสำเร็จงานที่เราได้เริ่มลงมือแล้ว หรือเริ่มทำอะไรบางอย่างที่เราได้ผลัดวันประกันพรุ่งไว้ หรือเป็นโอกาสที่เราจะได้ซ่อมเสริมความเสียหาย
หรือการละเลยในชีวิตที่ล่วงแล้วของเรา
การตื่นขึ้นมาจากการหลับนอนของเราในแต่ละวันเพื่อที่จะมาพบกับวันใหม่นั้น มิใช่ว่าทุกๆวันเราจะรู้สึกว่ามีความกระตือรือร้น หลายๆวันเร
ารู้สึกว่าไม่อยากจะลุกจากที่นอนด้วยซ้ำไป ไม่อยากเจอปัญหาซ้ำซากหรือปัญหาใหม่ๆ รู้สึกว่าชีวิตช่างแสนมืดมนและเป็นภาระและช่างโดดเดี่ย
วเสียจริงๆ
เราต้อนรับเช้าวันใหม่อย่างไรนั้น เป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ ถ้าเราต้อนรับวันใหม่ด้วยจิตใจร่างเริงแจ่มใสและด้วยความรู้คุณ วันๆนั้นเราก็จะม
ีพลังและความกระตือรือร้นสำหรับหน้าที่การงานของเรา แต่ถ้าหากเราต้อนรับวันใหม่ด้วยจิตใจที่ห่อเหี่ยวและเต็มไปด้วยความกังวล เราก็จะพบ
กับหน้าที่การงานที่ยากลำบากและจะทำให้สำเร็จลงได้ยาก
เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าจะต้องช่วยให้ชีวิตแห่งจิตวิญญาณของเราแต่ละคนตื่นตัวขึ้น เพราะจะทำให้จิตสำนึกที่อยากจะต้อ
นรับพระคริสตเจ้าเสด็จมานั้น จะเปี่ยมไปด้วยพลัง และความตื่นตัวนี้ก็คือการเปิดหัวใจให้ยอมรับพระผู้กำลังจะเสด็จมาและการตื่นเฝ้าด้วยการอธ
ิษฐานภาวนา
จิตสำนึกแห่งการต้อนรับพระคริสตเจ้านี้ จะต้องช่วยเราให้รู้จักเข้าใจสิ่งต่างๆ แลเห็นสิ่งต่างๆ ฟังสิ่งต่างๆ และที่สำคัญจะต้องรู้จักใส่ใจฟังพ
ระเ จ้าและฟังคนอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งฟังความต้องการของพวกเขา พูดง่ายๆก็คือต้องรู้จักเจริญชีวิตในความรักต่อพระเจ้าและต่อเพื่อนมนุษย์
พระเยซูเจ้าทรงเร่งเร้าให้เราตื่นเฝ้าเตรียมพร้อมอยู่เสมอ ให้รู้จักระแวดระวัง เราไม่ต้องกลัวอะไรทั้งสิ้น เพราะเร
าจะได้สิ่งที่เราต้องการจากการตอบสนองต่อการเรียกให้ตื่นเฝ้าเตรียมพร้อมอยู่เสมอของเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระ
คริสตเจ้า
วันอาทิตย์นี้เป็นอาทิตย์แรกของปีพิธีกรรมใหม่ของพระศาสนจักร ปีที่แล้วได้ผ่านพ้นไปแล้วและวันเวลาก็จะค่อ
ยๆล่วงเลยไป...ชีวิตของเรามนุษย์นั้นมันสั้น ดังนั้นเราจึงต้องการให้หน้าที่การงานของเราดำเนินไปเรื่อยๆ เพราะเร
าแต่ละคนจะผ่านชีวิตของเราบนโลกนี้ได้เพียงครั้งเดียว สิ่งดีๆที่เราสามารถทำให้กับพระเจ้าและเพื่อนพี่น้องของเราไ
ด้ ให้เราลงมือทำเลยในขณะนี้โดยมิต้องลังเล เราต้องไม่ผลัดวันประกันพรุ่งหรือละเลยที่จะไม่ทำมัน เพราะว่าเราจ
ะไม่มีโอกาสผ่านมาทางนี้อีก
|