เด็กน้อยคนหนึ่งจัดการเล่นเกมส์ล่าสมบัติขึ้นที่บ้านของเขาในวันคล้ายวันเกิดของตน
โดยอาศัยการช่วยเตรียมการอย่างดีจากแม่ของเขาวางแผนให้มีการค่อยๆ
แกะรอยปริศนาจากคำที่คล้องจองกัน
และจะได้คำตอบที่ต้องติดตามกันต่อไปเรื่อยๆ
จนกว่าใครจะได้ไปถึงจุดหมายสุดท้ายได้ก่อน อันที่จริง
เขารู้สึกกลัวว่าเพื่อนๆ ของเขาประมาณสิบกว่าคนที่มาเล่นเกมส์นี้จะสนุกไหม
จะเข้าใจคำปริศนาต่างๆ ของเขาและทำให้กระตือรือร้นติดตามต่อไปเรื่อยๆ
หรือเปล่า แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาทำให้เขาหมดความกังวล
เพราะทุกคนบอกว่าสนุกสนานมาก
พระวรสารของนักบุญยอห์นวางแผนผังการเขียนไว้คล้ายๆ
กับชนิดของเกมส์ล่าสมบัติ ท่านเขียนด้วยความตั้งใจอย่างรอบคอบ
และบางครั้งจะแทรกร่องรอยแห่งปริศนาให้เราติดตามไปเรื่อยๆ
พระวรสารตอนนี้เป็นตอนต้นๆ ที่เปิดเรื่องมาเล่าถึงท่านยอห์น
บัปติสต์และบรรดาผู้ติดตามพระเยซูเจ้าช่วงแรก ๆ
ท่านบอกเราด้วยว่านี่เป็นเครื่องหมาย (อัศจรรย์) ครั้งแรกของพระเยซูเจ้า
เพื่อให้เรารู้ว่าเราอยู่ตรงไหน
ท่านจะเล่าถึงเครื่องหมายครั้งที่สองในอีกสองบทต่อไป และต่อจากนั้น
เราผู้อ่านพระวรสารของท่านจะต้องใช้ความคิดริเริ่มและจินตนาการของเรา
ติดตามร่องรอยแห่งปริศนาไปจนถึงที่สุด
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นวันที่สามหลังจากพบกับนาธานาแอล
พระองค์ได้ทรงสัญญากับนาธานาแอลว่า "ท่านจะได้เห็นท้องฟ้าเปิด
และจะเห็นบรรดาทูตสวรรค์ของพระเจ้าขึ้นลงรับใช้บุตรแห่งมนุษย์"
เหนือสถานที่นั้น
นาธานาเอลเป็นคนที่มาจากหมู่บ้านคานาที่มีการจัดงานมงคลสมรสขึ้น แม่พระ
พระเยซูเจ้า และบรรดาศิษย์ได้รับเชิญให้ไปในงานนี้ด้วย
เมื่อแม่พระทรงทราบว่าเขาไม่มีเหล้าองุ่นแล้ว
จึงเข้าไปพูดกับพระเยซูเจ้าแม้พระองค์จะตรัสว่า “เวลาของลูกยังมาไม่ถึง”
แต่แม่พระก็บอกให้บรรดาผู้รับใช้ทำตามสิ่งที่พระเยซูเจ้าจะทรงบอกให้พวกเขาทำ
พระองค์ทรงสั่งให้พวกเขาเติมน้ำไปให้เต็มโอ่งทั้งหกใบ และตักไปให้แขกกิน
น้ำนั้นได้รับการเปลี่ยนแปลงเป็นเหล้าองุ่นชั้นดี
นี่เป็นเครื่องหมายแรกที่ทรงกระทำ ดังนั้น
บรรดาศิษย์และประชาชนที่เฝ้ามองดูการกระทำของพระองค์อยู่แม้จะมีความเชื่อเล็กน้อยเพียงใด
ก็จะทราบว่าบรรดาทูตสวรค์ของพระเจ้าขึ้นลง ณ
สถานที่ที่พระเยซูเจ้าประทับอยู่
เป็นช่วงเวลาที่สวรรค์เปิดออกมีการเปลี่ยนรูปลักษณ์พลังแห่งความรักของพระเจ้าไหลหลั่งลงมาสู่โลกปัจจุบันนี้
คำว่า “เครื่องหมาย”
สำหรับท่านยอห์นที่ต้องการชี้ชัดให้ผู้อ่านเข้าใจ คือ
ช่วงเวลาเหล่านั้นที่สวรรค์และแผ่นดินมาบรรจบกัน
(นั่นเป็นสิ่งที่พวกยิวเชื่อว่าจะเกิดขึ้นเฉพาะในพระวิหาร)
จุดสำคัญมันจึงไม่ใช่ว่าจะต้องเป็นเฉพาะเรื่องที่ไม่เกิดขึ้นตามธรรมดาสามัญในชีวิตจริงอย่างเดียว
แต่เรื่องอะไรก็ตามที่ชี้ออกจากโลกนี้ไปสู่ความเป็นจริงแห่งสวรรค์
ถ้าเราอ่านพระวรสารของท่านทั้งหมด
จะรู้สึกได้ถึงสิ่งที่ท่านต้องการอย่างยิ่งที่จะบอกให้เราได้ทราบว่า
ด้วยเหตุการณ์เหล่านี้วิถีชีวิตแห่งสวรรค์ได้ลงมายังโลกนี้แล้ว
นั่นคือหนึ่งในวลีที่เป็นหัวใจสำคัญของเนื้อหาพระวรสารทั้งหมดของท่านคือ
“พระวจนาตถ์ทรงรับเอากาย”
พระวรสารวันนี้ยังเล่าถึงบทบาทของแม่พระ
ซึ่งท่านยอห์นได้เล่าไว้เพียงสองครั้งเท่านั้นในพระวรสารของท่าน
อีกครั้งหนึ่งคือตอนที่อยู่ที่เชิงกางเขน (บทที่19) น่าสังเกตตอนนี้
ในงานมงคลสมรสที่หมู่บ้านคานาที่พระเยซูเจ้าได้ตรัสว่า
“เวลาของลูกยังมาไม่ถึง” ถ้าเราจะดูไปเรื่อยๆ จากการอ้างถึงเวลาของพระองค์
ที่สุดเราจะพบว่าเวลาของพระองค์มาถึงในขณะที่พระสิริของพระองค์ถูกไขแสดงอย่างเต็มที่เมื่อสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนนั่นเอง
งานมงคลสมรสในที่นี้เป็นการชิมลางล่วงหน้าถึงงานเลี้ยงอย่างสง่าและยิ่งใหญ่ในพระอาณาจักรสวรรค์นั่นเอง
พระองค์เสด็จลงมาเพื่อให้ชีวิตของเราเติมเต็มครบสมบูรณ์ (ยน 10.10)
เราอาจสวดภาวนาขอพระองค์จากเรื่องพระวรสารของวันนี้
เมื่อเราพบความล้มเหลวและความผิดหวัง
อย่าลืมว่าพระองค์จะทรงเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ ให้เราได้
แต่อย่าลืมจดจำและทำตามถ้อยคำของพระแม่มารีย์ไว้ว่า
“จงทำตามทุกอย่างที่พระองค์ทรงบอก” ก่อนจบอยากถามว่าท่านสงสัยไหม
ทำไมเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ท่านยอห์นบอกว่าเกิดขึ้นในวันที่สาม
|