ในวันนี้ ข้อความจากพระคัมภีร์ที่ท่านได้ยินกับหูอยู่นี้เป็นความจริงแล้ว
ปีนี้เราเน้นพระวรสารตามคำบอกเล่าของนักบุญลูกา
ท่านเขียนพระวรสารหลังจากเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นแล้วประมาณ 50 ปี คือเขียนในราว ค.ศ. 80 ท่านไม่ได้แต่งเรื่องขึ้นมาเอง แต่เขียนจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง แม้ท่านไม่ได้เห็นพระเยซูเจ้า แต่ท่านก็เป็นพยานรุ่นที่สอง
เรื่องราวต่างๆ ถ่ายทอดกันมา ท่านจึงพยายามค้นคว้า เรียงลำดับเหตุการณ์ และบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร ข้อมูลของท่านมาจากคำบอกเล่าของประจักษ์พยานและผู้เทศน์สอนพระวาจา มีตำนานหนึ่งเล่าด้วยว่าหนึ่งในแหล่งข้อมูลของลูกา
คือพระนางมารีย์ พระมารดาของพระเยซูเจ้า
บทเริ่มต้นของท่านเขียนในรูปแบบวรรณกรรมของกรีก
เอ่ยชื่อถึงท่านเธโอฟีลัส ซึ่งแปลว่า ผู้ที่รักพระเจ้า จึงเป็นชื่อที่หมายถึงใครก็ได้ ที่เริ่มแสวงหาพระเจ้าด้วยความรัก เพราะต้องการรู้จักพระเจ้าให้มากขึ้น
จากงานเขียนของท่านเราจะเห็นลักษณะเด่นๆ หลายอย่างในตัวของท่าน
ซึ่งแตกต่างจากผู้เขียนพระวรสารท่านอื่นๆ เช่น ท่านเน้นบทบาทของพระจิตเจ้า และการภาวนา ท่านเน้นถึงความเมตตาของพระเจ้า การเอาใจใส่ของพระเจ้าต่อคนยากจน และคนที่ถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม
พระเยซูเจ้าทรงประกาศความห่วงใยของพระเจ้าต่อคนยากจนและคนนอกสังคม เมื่อพระองค์ทรงเริ่มต้นพันธกิจเทศน์สอนของพระองค์ในนาซาเร็ธ นี่คือปีแห่งความโปรดปรานจากพระเจ้า เพราะพระองค์ทรงนำข่าวดีมาประกาศแก่คนยากจน
ประกาศการปลดปล่อยแก่ผู้ถูกจองจำ คืนสายตาให้คนตาบอด และปลดปล่อยผู้ถูกกดขี่ให้เป็นอิสระ
พระเอกของนักบุญลูกาคือ คนโรคเรื้อน คนตาบอด คนง่อยเปลี้ยเสียขา
คนเก็บภาษี คนเลี้ยงแกะ คนบาปสาธารณะ ชาวสะมาเรีย และคนต่างชาติ ทุกคนเป็นบุคคลอยู่นอกระบบสังคม ลูกายังเน้นบทบาทสำคัญที่มอบให้สตรี โดยเฉพาะพระนางมารีย์ นางเอลีซาเบธ มารธา และมารีย์
กลุ่มสตรีที่ช่วยเหลือพระเยซูเจ้าและอัครสาวกในงานเทศนาสั่งสอนของพระองค์ และกลุ่มสตรีที่แสดงความสงสารพระองค์ขณะแบกไม้กางเขนไปสู่ที่ประหารบนเขากัลวารีโอ (เทียบหนังสือ พระวาจากับชีวิต ปี C เล่ม 2 บาทหลวงเอกรัตน์
หอมประทุม เรียบเรียง - หน้า 104 -105)
พูดถึงคนโรคเรื้อนเป็นพระเอกกันสักหนึ่งตัวอย่างดีกว่านะครับ
เป็นเรื่องจริงของนักบุญเดเมียน แห่งโมโลไค ซึ่งเป็นพระสงฆ์ที่สมัครไปทำงานในเกาะที่เป็นนิคมของคนโรคเรื้อน ท่านทำงานกับบรรดาคนโรคเรื้อนโดยมิได้รังเกียจ
แต่ทำด้วยความรักของพระคริสต์ที่มีต่อประชากรที่อยู่นอกระบบสังคมอย่างแท้จริง จนในที่สุด ท่านก็เป็นโรคเรื้อนไปด้วย และยอมสูญเสียชีวิตเพื่อเห็นแก่ความรักของพระคริสต์ ขอเล่าส่วนหนึ่งในช่วงชีวิตของท่านบนเกาะ
วันหนึ่งมีคนโรคเรื้อนคนหนึ่งมาขอให้นักบุญเดเมียนล้างบาปให้เขา ท่านถามว่า เธอรู้ไหมว่าเป็นคริสตชนหมายความว่าอะไร คนโรคเรื้อนตอบว่า สำหรับคนที่ไม่มีจมูกหรือหู หมายถึงจะต้องไปช่วยผู้ที่ไม่มีมือ สำหรับพวกที่ไม่มีมือ
หมายถึงจะต้องไปช่วยพวกที่ไม่มีเท้า และสำหรับพวกที่ไม่มีเท้าแล้ว หมายถึงจะต้องไปช่วยพวกที่เป็นอัมพาตที่ต้องอยู่แต่บนเตียง (เรื่องนี้มาจาก John Chambers, S.J., With Eyes Fixed on Jesus, Cycle C., p.67)
อ่านเรื่องนี้แล้วพอจะเห็นวีรกรรมและการอุทิศตนประกาศข่าวดีโดยมีพระจิตเจ้าอย่างเต็มเปี่ยมของนักบุญเดเมียนหรือไม่ และประทับใจในความมุ่งมั่นที่จะทำ ณ บัดนี้ของคนโรคเรื้อนพระเอกนอกระบบสังคมของเราหรือไม่
พระเยซูเจ้ามักจะใช้คำว่า วันนี้
บ่อยมากในพระวรสารของนักบุญลูกา เช่นตอนจบของวันนี้ ในวันนี้ข้อความจากพระคัมภีร์ที่ท่านได้ยินกับหูอยู่นี้เป็นความจริงแล้ว ยังมีอีกมากเช่น วันนี้
พระผู้ไถ่ประสูติแล้ว
วันนี้ เราได้เห็นเรื่องแปลกประหลาด
วันนี้
ความรอดเข้ามาสู่บ้านนี้แล้ว
วันนี้ ท่านจะอยู่กับเราในสวรรค์
ฯลฯ กล่าวคือนักบุญลูกาพูดคำว่า วันนี้ ไว้ถึง 12 ครั้งในพระวรสารของท่าน แล้วเราจะรับฟังพระวาจาของพระเจ้าเพื่อนำไปปฏิบัติตาม วันนี้ หรือ วันนั้น หรือ
วันไหน
|