โรงเรียนของคณะฯติดต่อคณะฯเกี่ยวกับคณะฯ หน้าหลัก


     มีเรื่องของประกาศกซามูเอลในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ที่ชวนให้ระลึกถึงเรื่องการถวายพระกุมารที่พระวิหาร เพราะมีความละม้ายคล้ายกันในหลายด้าน ซามูเอลเป็นเด็กที่พระเจ้าประทานให้กับแม่ของเขา คือนางฮันนาห์ เพราะนางได้ร่ำไห้อย่างขมขื่นทูลขอบุตรจากพระเจ้าจอมจักรวาล เมื่อนางคลอดบุตร จึงตั้งชื่อเขาว่า "ซามูเอล" เพราะนางเคยทูลขอบุตรนี้จากพระยาเวห์ (ชื่อซามูเอล ให้แปลว่า "ทูลขอจากพระเจ้า") เมื่อเอลคานาห์สามีกับครอบครัวขึ้นไปถวายบูชาประจำปีแด่พระยาเวห์และแก้บน นางฮันนาห์ไม่ได้ขึ้นไปด้วย นางบอกสามีว่า "พอเด็กหย่านมแล้ว ดิฉันจะพาเขาไปอยู่เฉพาะพระพักตร์พระยาเวห์ เขาจะอยู่ที่นั่นตลอดไป" และเมื่อเด็กหย่านมแล้ว นางก็พาเขาขึ้นไปที่วิหารของพระยาเวห์ที่เมืองชิโลห์ นำโคหนุ่มอายุสามปีตัวหนึ่ง แป้งประมาณสองถัง และเหล้าองุ่นหนึ่งถุงหนังไปด้วย ขณะนั้นเขายังเด็กมาก บิดามารดาฆ่าโคถวายบูชาและพาเด็กไปพบเอลี นางกล่าวว่า "....ดิฉันทูลขอเด็กคนนี้และพระยาเวห์ก็ประทานให้ดิฉันตามคำทูลขอ บัดนี้ ดิฉันจึงขอถวายเขาแด่พระยาเวห์ เขาจะรับใช้พระยาเวห์ตราบเท่าที่เขามีชีวิต" แล้วบิดามารดาก็นมัสการพระยาเวห์ที่นั่น (1ซมอ 1:20-28)

     ที่เหมือนกันคือบิดามารดาพาเด็กน้อยซามูเอลไปถวายที่พระวิหาร และได้พบกับสมณะเอลีผู้ชรา เหมือนกับวันฉลองวันนี้ที่นักบุญโยเซฟพร้อมกับพระนางมารีย์นำพระกุมารไปยังพระวิหารที่กรุงเยรูซาเล็มเพื่อถวายแด่พระเจ้า และได้พบกับผู้เฒ่าสิเมโอน ผู้ชอบธรรมและยำเกรงพระเจ้า และยังได้พบกับอันนา ประกาศกหญิงอีกด้วย

     ในอีกมุมมองหนึ่งวันฉลองการถวายพระกุมารที่พระวิหาร เราอาจเรียกได้ว่าเป็นงานฉลองของการมาพบปะกัน มีครอบครัวหนึ่งที่คุณย่าเป็นผู้อาวุโสสุดในบ้าน คุณย่าคนนี้จะถือธรรมเนียมว่าถ้ามีญาติ หรือลูกๆหลานๆ ที่ไม่ได้พบปะกันเป็นเวลานานพอควร เมื่อมีโอกาสมารวมญาติกัน คุณย่าจะเชิญทุกๆคนให้มานั่งล้อมวง และพูดคุยแบ่งปันเรื่องราวต่างๆ ของแต่ละคน ในรูปแบบที่ให้กำลังใจต่อกัน เมื่อจบการสนทนาพวกเขาจะต้องจากกัน ทุกคนจะสวมกอดกันด้วยความรักและความอบอุ่น และแน่นอนว่าทุกคนหวังลึกๆในใจว่าจะมาพบเจอกันอีกในบรรยากาศแบบนี้

     เรื่องเล่าในพระวรสารของวันนี้มีหลายบุคคลมาพบกันที่พระวิหารของพระเจ้าที่กรุงเยรูซาเล็ม กล่าวคือเมื่อครบกำหนดเวลาที่มารดาและบุตรจะต้องทำพิธีชำระมลทิน ตามธรรมบัญญัติของโมเสส โยเซฟพร้อมกับพระนางมารีย์นำพระกุมารไปที่พระวิหาร อันที่จริงพระวิหารที่กรุงเยรูซาเล็มมักจะคลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมาย บ้างไปนมัสการ บ้างไปสวดภาวนา บ้างไปซื้อสัตว์ที่จะฆ่าถวายเป็นบูชา ยังมีพวกพ่อค้าในพระวิหาร มีเสียงพูดคุยกันของคนที่รู้จักกัน ของเพื่อน และของคนในครอบครัวเดียวกัน ครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ก็ได้เข้าไปในพระวิหาร แบบครอบครัวธรรมดาๆ ครอบครัวหนึ่ง ซึ่งก็ไม่ได้เป็นจุดสนใจอะไร แต่ในท่ามกลางฝูงชนมากมายมีผู้เฒ่าคนหนึ่งชื่อสิเมโอน ในพระวรสารบอกว่าเขาเป็นคนชอบธรรม และยำเกรงพระเจ้า เขารอคอยความรอดพ้นของอิสราเอล พระจิตเจ้าทรงนำเขาไปพบกับครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ เขาได้ขออุ้มพระกุมาร และกล่าวถวายพระพรพระเจ้าว่า "บัดนี้ พระองค์ทรงปล่อยผู้รับใช้ของพระองค์ไปเป็นสุข เพราะนัยน์ตาของข้าพเจ้าได้เห็นองค์พระผู้ช่วยให้รอดพ้น ผู้ที่พระองค์ทรงจัดเตรียมไว้สำหรับนานาประชาชาติ เป็นแสงสว่างเปิดเผยให้คนต่างชาติรู้จักพระองค์ และเป็นพระสิริรุ่งโรจน์สำหรับอิสราเอลประชากรของพระองค์"

     เราน่าประหลาดใจในความเชื่อที่หยั่งรากลึกในตัวของท่านสิเมโอน รวมทั้งปรีชาญาณที่มีในตัวท่าน เพราะแท้จริงแล้วใครจะคิดว่าความรอดพ้นของอิสราเอลจะมาในรูปแบบของเด็กทารกที่มีอายุได้เพียง 40 วัน ใครจะมองว่าการปลอบประโลมใจต่อชาวอิสราเอลที่เคยสัญญาไว้จะไปอยู่ที่เด็กน้อยคนนั้น บางที ถ้าจะคาดหวังไปที่ฟาริสีฉลาดๆจะไม่ดีกว่าหรือ หรือชาวสะดูสีที่เป็นนักปราชญ์สักคน หรือนักต่อสู้ปฏิวัติที่จะมาปลดแอกจากชาวโรมันไม่ดีกว่าหรือ แต่สิเมโอนเป็นผู้มีปรีชาและซื่อสัตย์ เขามองหยั่งลึกไปไกลกว่านั้นจนพบว่าแผนการของพระเจ้าจะสำเร็จไปโดยทางพระกุมารนี้เอง "เพราะนัยน์ตาของข้าพเจ้าได้เห็นองค์พระผู้ช่วยให้รอดพ้น"

     และในฉากเดียวกันนี้ จะมีประกาศกหญิงอันนา ซึ่งชรามากแล้ว อายุ 84 ปีแล้ว นางอยู่ในพระวิหารตลอดมา รับใช้พระเจ้าทั้งกลางวันกลางคืนโดยจำศีลอดอาหารและอธิษฐานภาวนา นางเข้ามาเวลานั้นพอดี ได้พบปะกับพระกุมาร และกล่าวถึงพระกุมารให้ทุกคนที่กำลังรอคอยการไถ่กู้กรุงเยรูซาเล็มฟัง

     ทั้งท่านสิเมโอน และประกาศกหญิงอันนา ได้พบปะพระกุมารน้อย ได้มองเห็นว่าพระองค์คือองค์พระผู้ช่วยให้รอดพ้น โดยความเชื่อ ความเคารพยำเกรงในพระเจ้า และโดยพระจิตเจ้าทรงนำทาง

     เราทั้งหลายต่างก็ได้มาในพระวิหารของพระเจ้าทุกอาทิตย์ เราได้พบปะพระองค์ทั้งจากพระวาจา และโดยทางศีลศักดิ์สิทธิ์ ขอให้เราเต็มเปี่ยมไปด้วยความเชื่อ พบกับความสุขลึกๆ ในจิตใจ ดุจเดียวกับท่านสิเมโอน ที่ได้พบกับองค์ความรอดแล้ว เป็นบุญของเราแล้วที่ได้พบกับพระองค์ และพร้อมจะมอบชีวิตของเราให้แด่พระองค์ โดยจะใช้ชีวิตปัจจุบันอย่างดีที่สุด

     ด้วยคำพูดและการกระทำของเราจะเป็นการกล่าวถึงพระเยซูเจ้าให้ทุกคนที่รอคอยการไถ่ให้รอดได้ฟัง เช่นที่ประกาศกหญิงอันนาได้กระทำไว้ในครั้งนั้น

หน้าหลัก