พวกโหราจารย์
ต่างคุกเข่าลงนมัสการ
แล้วเอาทองคำ กำยาน และมดยอบ ออกมาถวายพระกุมาร
นักบุญเปาโลสอนเราให้ทราบว่าพระเจ้าไม่ทรงเลือกที่รักมักที่ชัง
กล่าวคือ แผนการไถ่ให้รอดของพระองค์ครอบคลุมถึงทุกคน ไม่ว่าจะเชื้อชาติใด ภาษาใด ผูกพันกับธรรมประเพณีและลัทธิความเชื่อใดๆ ก็ตาม ทั้งนี้ เพราะพระองค์ทรงเป็นพระบิดาของเรา ดังนั้น เราทุกๆ คนก็เป็นลูกๆ ของพระองค์
และเป็นสมาชิกในครอบครัวที่เป็นสากลหนึ่งเดียวกัน ความคิดเช่นนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนในวันสมโภชพระคริสตเจ้าแสดงองค์ เช่นเดียวกับที่ดวงดาว นำโหราจารย์ทั้งสามจากทางทิศตะวันออกมาพบพระกุมารเยซูองค์น้อย
เราก็ถูกท้าทายให้เดินทางด้วยความเชื่อในปีแห่งความเชื่อนี้ เพื่อจะได้พบพระเยซูองค์น้อย กราบนมัสการพระองค์ มอบดวงใจของเราให้เป็นของขวัญแด่พระองค์ อีกทั้งเมื่อมีความเชื่อในพระองค์แล้ว
เรายังถูกท้าทายให้แสงแห่งความเชื่อในตัวเราส่องสว่างต่อหน้าผู้อื่น เพื่อว่าเมื่อคนเห็นกิจการดี พวกเขาจะได้สรรเสริญพระบิดาผู้สถิตในสวรรค์
หญิงกลางคนผู้หนึ่งกำลังอยู่ในห้างสรรพสินค้าใหญ่แห่งหนึ่ง
กำลังเลือกซื้อของขวัญคริสต์มาสซึ่งเป็นช่วงนาทีสุดท้ายแล้ว เมื่อเดินทางไปถึงที่จะจ่ายเงินก็พบว่า เธอต้องต่อคิวอยู่ข้างหลังเด็กเล็กๆ ชายหญิงหน้าตาน่ารักและไร้เดียงสาคู่หนึ่ง ทั้งคู่แต่งตัวโทรมๆ ที่น่าแปลกใจคือ
เด็กหญิงเล็กๆ กำลังถือรองเท้าสีทองๆ คู่หนึ่ง ส่วนเด็กผู้ชายถือกระดาษยับๆ ในมือ สังเกตได้ว่าทั้งคู่กำลังใช้เงินออมที่มีน้อยนิดมาซื้อของให้คนที่พวกเขารักมากที่สุด
ถึงเวลาจ่ายเงิน คนคิดเงินบอกว่า
ค่ารองเท้าเป็นเงินหกเหรียญสิบเซนต์ เด็กผู้ชายที่เป็นพี่รีบวางเงินเป็นแบ้งค์หนึ่งดอลล่าร์เก่าๆ 3 ใบ แล้วล้วงกระเป๋าหามาได้อีก 12 เซนต์ ยังขาดไป 3 ดอลล่าร์ เขาจึงหันไปพูดว่า คุณครับ ผมเสียใจ แต่เราจะกลับมาเร็วๆ
นี้เพื่อนำเงินที่ยังขาดมาซื้อรองเท้าคู่นี้ เด็กหญิงตัวเล็กที่เป็นน้องเริ่มร้องไห้และโอดครวญเบาๆ ว่า แต่พระเยซูจะต้องชอบรองเท้านี้แน่ๆ
พี่ชายปลอบว่า อย่ากลัวไปเลย เราจะกลับไปบ้านและทำงานเพิ่มขึ้นแล้วค่อยกลับมา บางทีพรุ่งนี้ เราก็จะได้เงินครบมาซื้อรองเท้า
หญิงคนนั้นยื่นมือออกไปช่วยโดยวางเงินอีก 3 ดอลล่าร์ให้คนขาย
เธอคิดว่าอย่างน้อยนี่เป็นจิตตารมณ์ของเทศกาลคริสต์มาส เด็กหญิงนั้นโอบกอดเธอด้วยความขอบคุณ เด็กผู้ชายอธิบายว่า แม่ของเขากำลังจะตาย และพ่อบอกว่า แม่อาจจะไปพบพระเยซูก่อนวันคริสต์มาส หญิงนั้นเหมือนถูกตรึงอยู่กับที่
เด็กหญิงเสริมว่า คุณครูที่โรงเรียนสอนว่าถนนในสวรรค์ส่องแสงสีทอง เหมือนรองเท้าคู่นี้ แม่จะได้เดินอย่างสวยงามกับรองเท้าที่เหมาะกับถนนอย่างนั้นไม่ใช่หรือ
หญิงผู้นั้นน้ำตาเอ่อล้น แต่ตอบไปว่า ใช่จ้ะ ที่รัก ฉันมั่นใจว่าจะเป็นเช่นนั้น
ที่เด็กๆ วาดภาพแม่ของเธอเดินบนถนนในสวรรค์ด้วยรองเท้าสีทอง
จริงๆ มีความหมายถึงความชื่นชมยินดี หญิงคนนั้นรู้สึกขอบคุณพระเจ้าที่ทรงใช้เด็กๆ เหล่านี้เตือนให้เธอคิดถึง ความหมายที่แท้จริงของการให้ในเทศกาลคริสต์มาส ผู้ให้ย่อมมีความสุขมากกว่าผู้รับ
เรารู้ข้อเท็จจริงน้อยมากเกี่ยวกับโหราจารย์ทั้งสามที่มาจากทางทิศตะวันออก แต่ถ้าเป็นเรื่องเล่า หรือตำนานที่เกี่ยวข้องกับท่านทั้งสามก็มีมากมาย ในบทสดุดีถึงกับอ้างว่าพวกเขาเป็นกษัตริย์
กษัตริย์แห่งเชบาและซาบานำของกำนัลมาถวายด้วย ขอกษัตริย์ทั้งหลายกราบถวายบังคมพระราชา และนานาชาติรับใช้พระองค์ (สดด. 72: 10-11) นั่นหมายความว่าพวกเขาแสวงหาและพบพระราชาผู้เป็นจอมราชัน เพื่อกราบนมัสการพระองค์
พระเมสสิยาห์ที่ผู้คนรอคอยกันมาอย่างยาวนาน บัดนี้เสด็จมาสู่โลกแล้วโดยไม่แสดงพระสิริรุ่งโรจน์ใดๆ ทั้งสิ้น พ่อแม่ได้พันผ้ากุมารนี้วางลงบนรางหญ้า เพราะไม่มีห้องว่างสำหรับพวกเขา
องค์พระผู้สร้างสากลจักรวาลทรงบังเกิดมาในถ้ำเลี้ยงสัตว์ ที่มีแต่บรรดาสัตว์ที่ส่งเสียงไม่ได้ถวายเกียรติแด่พระองค์
นักประพันธ์ที่ชื่อ ยอห์น กรีนลีฟ วิตติเออร์ ได้เขียนไว้ว่า
บางที ไม่ต้องเป็นห้วงเวลาคริสต์มาสเท่านั้น แต่ตลอดทั่วทั้งปี
ความยินดีที่คุณได้ให้กับคนอื่นๆ ก็คือความยินดีที่จะย้อนกลับมาหาคุณ
มันจึงเป็นบทเรียนที่หาค่ามิได้แก่หญิงที่เล่ามาข้างต้นที่ได้เรียนรู้จากเด็กๆ บริสุทธิ์ไร้เดียงสา 2 คนนั้นที่ต้องการให้ของขวัญที่ดีที่สุดแก่แม่ของพวกเขาที่กำลังจะตาย
และมันก็คือบทเรียนที่หาค่ามิได้ที่โหราจารย์ทั้งสามได้เรียนรู้จากการแบ่งปันของขวัญที่เป็นทองคำ กำยาน และมดยอบให้กับกษัตริย์องค์น้อยๆ ซึ่งสละพระองค์ทั้งหมดมอบให้มนุษย์ทุกคนด้วยความรัก
และมันคือบทเรียนอันทรงคุณค่าสำหรับเราทั้งหลายที่จะปฏิบัติตลอดปีใหม่และตลอดไปด้วยจิตสำนึกที่ว่า ความสุขของการให้แก่ผู้อื่น คือความสุขที่ย้อนกลับมาที่เรา(Fr. James Valladares : Your Words, O Lord, are Spirit, and
They are Life; Year C; pp. 45-48)
|