|
ประวัติวันสมโภชพระคริสตสมภพ
เอกสารเก่าแก่ที่สุดที่พูดถึงการสมโภชพระคริสตสมภพในวันที่ 25 ธันวาคม มีต้นกำเนิดมาจากพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก คือ ปฏิทินซึ่งบันทึกวันครบรอบการสิ้นชีวิต (เกิดใหม่ในพระเจ้า) ของพระสังฆราชแห่งกรุงโรม (พระสันตะปาปา) (Depositio episcoporum) และปฏิทินซึ่งบันทึกวันครบรอบการสิ้นชีวิต (เกิดใหม่ในพระเจ้า) ของมรณสักขีชาวโรมัน (Depositio martyrum) ซึ่งสันนิษฐานว่าบันทึกโดยฟูริอุส ดิโอนีซิอุส ฟิโลกาลุส ตั้งแต่ปี ค.ศ. 354 ทำให้เราทราบว่าอย่างน้อยในปี ค.ศ. 336 ที่กรุงโรมได้ทำการสมโภชพระคริสตสมภพในวันที่ 25 ธันวาคมแล้ว
ทำไมที่กรุงโรมจึงฉลองการบังเกิดของพระเยซูเจ้าในวันที่ 25 ธันวาคม มีสมมุติฐานดังนี้ คือ
1.เป็นการแทนที่วันฉลองของชาวโรมันซึ่งฉลองในวันที่ 25 ธันวาคม คือ ฉลองการบังเกิดของสุริยเทพผู้พิชิต (Natale (Solis) Invicti) ที่จักรพรรดิเอาเลเรียนเป็นผู้ริเริ่มให้ฉลองในปี ค.ศ. 274 คริสตชนฉลองการบังเ กิดของพระเยซูเจ้าแทนที่วันฉลองนี้ โดยเปรียบเทียบว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็น ดวงอาทิตย์แห่งความชอบธรรม (Sun of Justice) แต่ดวงอาทิตย์แห่งความชอบธรรมซึ่งมีปีกรักษาโรคภัยได้ จะขึ้นมาสำหรับคนเหล่านั้นที่ยำเกรงนามของเรา เจ้าจะกระโดดโลดเต้นออกไปเหมือนลูกวัวออกไปจากคอก (มลค 4:2) เดชะพระเมตตากรุณาของพระเจ้าของเรา พระองค์จะเสด็จมาเยี่ยมเราจากเบื้องบน ดังแสงอรุโณทัย (ลก 1:78) และพระเยซูเจ้าทรงเป็นแสงสว่างส่องโลก (ยน 8:12)
2.ธรรมประเพณีโบราณในศตวรรษที่ 2-3 ที่เชื่อว่า พระเยซูเจ้าทรงปฏิสนธิและสิ้นพระชนม์ในวันและเด
ือนเดียวกัน คือ วันที่ 25 มีนาคม (วันที่ 14 เดือนนิสาน) ดังนั้น วันบังเกิดของพระองค์จึงเป็นวันที่ 25 ธันวาคม
การฉลองวันพระคริสตสมภพแผ่ขยายไปอย่างรวดเร็วทั้งทางตะวันตกและตะวันออกในศตวรรษที่ 4 สันนิษฐานว่าอาจเป็นเพราะธรรมล้ำลึกที่ฉลองในวันพระคริสตสมภพเป็นคำตอบที่ถูกต้องต่อคำสอนที่หลงผิดของ
พวกเฮเรติ๊กลัทธิอาเรียน (Arianism) ที่สอนว่าพระบุตร (พระเยซูเจ้า) ไม่เท่ากับพระบิดา พระบุตรเป็นเพียงสิ่งสร้างแรกของพระบิดาแม้
จะทรงเป็นสิ่งสร้างที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในเรื่องการรับเอากายเป็นมนุษย์ของพระบุตรนั้น เฮเรติ๊กลัทธินี้สอนว่าธรรมชาติพระเจ้าของพระบุตรเ
ข้าแทนที่ธรรมชาติมนุษย์ของพระองค์ เราเห็นคำสอนที่ถูกต้องของพระศาสนจักรเรื่องการรับเอากายเป็นมนุษย์ของพระเยซูเจ้าได้อย่า
งชัดเจนในพิธีกรรมวันสมโภชพระคริสตสมภพ ซึ่งเน้นที่ธรรมชาติพระเจ้าแท้และมนุษย์แท้ของพระเยซูเจ้า สอดคล้องกับคำสอนของสังคายนาที่นิเชอา (ค.ศ. 325) ซึ่งประณามคำสอนของลัทธิอาเรียน
 พิธีกรรมสมโภชคริสตสมภพ
ตามธรรมประเพณีโรมัน จากบทเทศน์พระคริสตสมภพของพระสันตะปาปาเกรโกรี่ มหาสมณะ (ค.ศ. 604) เราพบว่าในวันสมโภชพระคริสตสมภพ อนุญาตให้พระสงฆ์ถวายมิสซาได้ 3 มิสซา คือ มิสซากลางค
ืน (Missa in nocte) มิสซารุ่งอรุณ (Missa in aurora) และมิสซากลางวัน (Missa in die) (สังคายนาวาติกันครั้งที่ 2 เพิ่มมิสซาเย็นเตรียมสมโภชเข้าไปอีก 1 มิสซา) บทอ่านของทั้ง 3 มิสซา เป็นคำยืนยันของพยาน
และผู้นิพนธ์พระวรสารเกี่ยวกับธรรมล้ำลึกแห่งการรับเอากายมาบังเกิดเป็นมนุษย์ของพระเยซูเจ้า พระบุตรพระเจ้า
อันที่จริงในศตวรรษที่ 4 มีมิสซาสมโภชพระคริสตสมภพเพียงมิสซาเดียวที่มหาวิหารนักบุญเปโตร (เ
วลาประมาณ 9.00 น.) ต่อมาในศตวรรษที่ 5 มีมิสซาเที่ยงคืนที่มหาวิหารแม่พระ (St. Marry Major) ซึ่งสร้างขึ้นหลังสังคายนาที่เอเฟ
ซัส ในปี ค.ศ. 431 สังคายนานี้ประกาศว่า พระนางมารีย์คือพระมารดาของพระเจ้า และในวัดน้อยใต้ดินของมหาวิหารนี้ได้เก็บรักษา
พระธาตุของถ้ำเลี้ยงสัตว์ที่เบธเลเฮม สถานที่ที่พระเยซูทรงบังเกิดไว้ด้วย จึงเป็นธรรมเนียมที่พระสันตะปาปาจะมาถวายมิสซาในตอนเที่
ยงคืนที่วัดน้อยแห่งนี้ เชื่อว่าการถวายมิสซาเที่ยงคืนน่าจะมาจากธรรมเนียมของคริสตชนที่กรุงเยรูซาเล็ม ในคืนก่อนวันสมโภชพระคริส
ต์แสดงองค์ (Epiphany) คริสตชนที่กรุงเยรูซาเล็มจะร่วมขบวนแห่เพื่อไปร่วมมิสซาที่เบธเลเฮม ในวัดที่จักรพรรดิคอนสแตนตินสร้างขึ้น
บนสถานที่ที่เชื่อว่าเป็นถ้ำที่พระเยซูเจ้าทรงบังเกิด หลังจากนั้นพวกเขาจะแห่กลับไปยังกรุงเยรูซาเล็มและร่วมมิสซาเช้าที่นั่น ประมาณกล
างศตวรรษที่ 6 เพิ่มมิสซารุ่งอรุณที่วัดนักบุญอนาสตาเซียแห่งซิมิอุม (St. Anastasia of Sirmium) นักบุญองค์นี้เป็นมรณสักขีที่คร
ิสตชนจารีตตะวันออกให้ความนับถืออย่างมาก และฉลองท่านในวันที่ 25 ธันวาคม พระสันตะปาปาจะแวะมาถวายมิสซาที่นี่ก่อน จึงจะไปถวายมิสซาที่มหาวิหารนักบุญเปโตร
หลังจากนั้นธรรมเนียมการถวาย 3 มิสซาในวันสมโภชพระคริสตสมภพ ถูกบันทึกอยู่ในหนังสือพิธีกรรมของพระสันตะปาปาเกรโกรี่ (Gregorian Sacramentary) ในศตวรรษที่ 7 และแพร่หลายต่อไปทั่วยุโรป
1.มิสซากลางคืน
พิธีมิสซานี้เต็มไปด้วยบรรยากาศของการสำแดง พระสิริรุ่งโรจน์ ของพระเจ้าในพระคุณของพระผู้ไถ่ท
ี่ประทานแก่มนุษย์ และบรรยากาศของ ความยินดี ของมนุษย์ผู้ต้อนรับพระองค์ วันนี้ พระผู้ไถ่ คือองค์พระคริสต์ ได้ประสูติเพื่อเราแล้ว
ในพระวรสารตามคำเล่าของนักบุญลูกา (ลก 2:1-14) กล่าวถึงการบังเกิดของพระเยซูเจ้าที่เบธเลเฮม พ
ระวรสารจบลงที่ทูตสวรรค์ร้องเพลงพระสิริรุ่งโรจน์ (Gloria) ซึ่งเป็นเพลงพิเศษของวันสมโภชนี้ จะเห็นได้ว่าการอวยพรให้มี สันติสุข จากปากของทูตสวรรค์ในพระวรสารของนักบุญลูกา (ลก 2:14) เป็นคำเดียวกันกับที่พร
ะเยซูเจ้าตรัสกับพวกอัครสาวก หลังจากที่พระองค์เสด็จกลับคืนชีพแล้วเช่นกัน (ลก 24:36) (ทำให้เราเห็นความสัมพันธ์ระหว่างการสมโภชพระคริสตสมภพกับธรรมล้ำลึกปัสกา)
บทอ่านที่ 1 จากหนังสือประกาศกอิสยาห์ (อสย 9: 2-4, 6-7) กล่าวถึงความหวังเรื่องพระเมสสิยา
ห์สำเร็จลงในวันนี้ ชนชาติที่ดำเนินในความมืด จะได้เห็นความสว่างยิ่งใหญ่ บรรดาผู้ที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินแห่งความตาย แสงสว่างจ
ะได้ส่องมายังเขา... เหตุว่ามีกุมารผู้หนึ่งเกิดมาเพื่อเรา มีบุตรชายคนหนึ่งประทานมาให้เรา และการปกครองจะอยู่บนบ่าของพระองค์ และเขาจะขนานนามว่า ที่ปรึกษามหัศจรรย์ พระเจ้าผู้ทรงอำนาจ พระบิดานิรันดร เจ้าแห่งสันติ
 บทอ่านที่สองจากจดหมายของนักบุญเปาโลถึงทิตัส (ทต 2:11-14) กล่าวถึงพระหรรษทานของพระเ
จ้าปรากฎมาแล้ว (ในการบังเกิดของพระเยซูเจ้า) ขอให้เราเจริญชีวิตอย่างรู้ประมาณ ยุติธรรม และชอบธรรมในโลกนี้
บทอัลเลลูยากล่าวถึงความชื่นชมยินดีว่า เรานำข่าวดีมาบอกท่านทั้งหลาย วันนี้ พระผู้ไถ่ได้เกิดมาเพื่อท่านแล้ว
เราพบสัญลักษณ์ของความสว่าง ซึ่งหมายถึงพระเยซูเจ้าทรงเสด็จมาเพื่อขับไล่ความมืดของบาป ในบทภาวนาของประธาน และบทนำขอบพระคุณที่ 1 เทศกาลพระคริสตสมภพ
ในบทภาวนาเตรียมเครื่องบูชา เราขอให้พระเจ้าทรงเปลี่ยนเราให้เหมือนกับพระเยซูเจ้า ขอให้เ
ครื่องบูชาที่เปลี่ยนเป็นพระกายและพระโลหิตของพระบุตรนี้ จงบันดาลให้ข้าพเจ้าทั้งหลายละม้ายคล้ายกับพระองค์ท่าน ผู้ทรงถ่อมองค์มารับสภาพมนุษย์
เราแสดงความเคารพเป็นพิเศษต่อพระเยซูเจ้าผู้ทรงถ่อมพระองค์ลงมาบังเกิดเป็นมนุษย์ เมื่อสวดบทข้าพเจ้าเชื่อ (credo) ถึงตอน มาบังเกิดเป็นมนุษย์ ทุกคนคุกเข่า (เฉพาะวันสมโภชพระคริสตสมภพ(ทุกมิสซา) และวันสมโภชการแจ้งสารเรื่องพระวจนาตถ์ทรง
รับสภาพเป็นมนุษย์)
2.มิสซารุ่งอรุณ
หัวข้อสำคัญของพิธีมิสซานี้ คือ ความเชื่อ ในที่นี้ความเชื่อถูกมองเป็นทั้งเส้นทางเดินของชีวิต และในเวลาเดียวกัน เป็นพระคุณที่พระเจ้าประทานให้ (บทอ่านที่ 1 และ 2)
ในพระวรสารตามคำเล่าของนักบุญลูกา (ลก 2:15-20) กล่าวถึงบรรดาชุมพาบาลพบพระกุมารบนรางหญ้า
ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ต่อจากพระวรสารของมิสซากลางคืน พระวรสารตอนนี้เป็นปฏิกิริยาของพวกเขา ซึ่งเราสามารถเห็นวิธีการบรรยายเส้นทางเดินของความเชื่อ ได้แก่ การประกาศข่าวเกี่ยวกับความรอด จากนั้นมีการตอบสนองของความเชื่อ ซึ่งแสดงออกมาด้วยการฟัง (มิสซากลางคืน) การไปโดยไม่รอช้า การเห็น แ
ละจบลงด้วยการสรรเสริญพระเจ้าและการเป็นพยานให้คนอื่น ทราบ
สัญลักษณ์ของความสว่างถูกกล่าวถึงชัดเจนยิ่งขึ้นกว่ามิสซากลางคืน ซึ่งเราพบได้ในเพลงเริ่มพิธี บทภ
าวนาของประธาน สดุดี 97 (การประกาศสรรเสริญพระเจ้าผู้ทรงเป็นกษัตริย์ และเป็นความสว่างส่องเหนือผู้ชอบธรรม)
ความเชื่อและความยินดีเป็นหัวข้อที่เราพบเสมอในมิสซารุ่งอรุณ เช่น ในบทภาวนาหลังรับศีล เราภาวนาว่า ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าทั้งหลายกำลังชื่นชมฉลองวันสมภพพระบุตรด้วยความศรัทธา ขอโปรดให้เชื่ออย่างมั่นคงในธรรมล้ำลึกประการนี้ และมีใจเร่าร้อนรัก
พระองค์ท่านด้วยเทอญ ทั้งนี้ ขอพึ่งพระบารมีพระคริสตเจ้าของข้าพเจ้าทั้งหลาย
3.มิสซากลางวัน
มิสซากลางวันเสนอธรรมล้ำลึกเกี่ยวกับพระธรรมชาติของพระเยซู ผู้ทรงบังเกิดมาและเป็นพระมหาไถ่ของอิสราเอลและของประชาชาติว่า พระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า ผู้ทรงเสมอเทียบเท่าพระบิดา ได้ถูกส่งมาท่ามกลางมนุษย์ และเพื่อมนุษย์ทุกคน ในพิธีกรร
มเน้นพระเยซูเจ้าทรงเป็นพระบุตรพระเจ้า

ในพระวรสารของนักบุญยอห์น (ยน 1:1-18) กล่าวว่าพระวจนาตถ์ทรงรับเอากายเป็นมนุษย์ และมาประทับท่ามกลางเรา พระองค์ทรงรับเอากายเป็นมนุษย์เพื่อทำให้มนุษย์เกิดใหม่เป็นบุตรของพระเจ้า มีบางคนที่ยอมรับและเชื่อถือพระองค์ พระเจ้าทรงให้คนเหล่านี้มีสิทธิเป็นบุตรของพระองค์ ที่สุด ประโยคสุดท้ายนั
บเป็นการยืนยันถึงความหมายของ เอมมานูเอล ได้อย่างดี คือ ไม่มีใครเคยเห็นพระเจ้าเลย พระบุตรเพียงพระองค์เดียว ผู้สถิตอยู่ในพระอุระของพระบิดานั้นได้ทรงเปิดเผยให้เรารู้ (ยน 1:18)
บทอ่านที่หนึ่งจากหนังสือประกาศกอิสยาห์ (อสย 52:7-10) กล่าวถึง ความรอด สันติสุข และข่าวดี พระเจ้าทรงเตรียมพระกรอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ เพื่อช่วยเหลือประชาชาติทั้งปวง และที่สุดปลายแผ่นดินทั้งสิ้น จะเห็นความรอดของพระเจ้าของเรา และสิ่งที่ประกาศกอิสยาห์ประกาศได้สำเร็จลงไปในการบังเกิดของพระเยซูเจ้า
บทอ่านที่สองจากจดหมายถึงชาวฮีบรู (ฮบ 1:1-6) กล่าวถึงพระเจ้าตรัสกับเราผ่านทางพระบุตร พระบุตรทรงสะท้อนพระสิริรุ่งโรจ
น์ของพระเจ้า ทรงเป็นรูปแบบสมบูรณ์แห่งธรรมชาติของพระเจ้า ทรงผดุงจักรวาล และทรงประทับเบื้องขวาพระบิดา
สังคายนาวาติกันครั้งที่ 2 ได้เพิ่มมิสซาเตรียมสมโภช (vigil mass) ของวันสมโภชพระคริสตสมภพ ดังนี้
4 มิสซาเย็นเตรียมสมโภช
พระวาจาของมิสซาเตรียมสมโภชเป็นการเน้นที่ธรรมล้ำลึกเกี่ยวกับการมีเชื้อสายดาวิดดของพระเยซูเจ้าและความสำเร็จของพระสั
ญญาที่พระเจ้าเคยให้ไว้ หัวข้อสำคัญนี้ได้มีการประกาศแล้วตั้งแต่วันอาทิตย์หลังๆ ของเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า
 มิสซานี้ใช้ตอนเย็นหรือหัวค่ำ วันที่ 24 ก่อนหรือหลังพิธีทำวัตรเย็นที่หนึ่งของวันสมโภชพระคริสตสมภพ
ในพระวรสารของนักบุญมัทธิว (มธ 1:1-25) กล่าวว่าพระเจ้าทรงรักษาพระสัญญา แผนการแห่งความรอดพ้นสำเร็จโดยอาศัยการบังเกิดของพระเยซูเจ้า และการบังเกิดของพระองค์เป็นผลงา
นของพระจิตเจ้า เพราะนักบุญโยเซฟไม่ได้เกี่ยวข้องกับพระนางมารีย์ในฐานะสามีภรรยา
บทอ่านที่ 1 จากหนังสือประกาศกอิสยาห์ (อสย 62:1-5) ประกาศว่า พระเจ้าไม่ทรงทอด
ทิ้งประชากร แต่กำลังจะทำให้พระสัญญาแห่งความรอดกลับเป็นความจริง ไม่เพียงแต่เท่านั้น แต่ประชากรนี้จะได้มีชื่อว่า ความพึงพอใจของท่าน คำพูดเดียวกันนี้ที่ทูตสวรรค์ใช้กับพระนางมารีอาเมื่อมาแจ้งสารการบังเกิดของพระเยซูเจ้า (ลก 2:14)
บทอ่านที่ 2 จากหนังสือกิจการอัครสาวก (กจ 13:16-17,22-25) เป็นคำให้การของนักบุญเปาโลเกี่ยวกับพระเยซูเจ้า บทอ่านบ
ทนี้มีสาระใกล้เคียงกับพระวรสารในเรื่องเกี่ยวกับการที่พระเยซูเจ้าเป็นคนเชื้อสายของดาวิดและการบังเกิดของพระองค์เป็นความสำเร็จจริงของพระสัญญาในพันธสัญญาเดิม
เนื่องจากมิสซานี้เป็นส่วนหนึ่งของการสมโภชพระคริสตสมภพ จึงมีบทพระสิริรุ่งโรจน์ เมื่อสวดบทข้าพเจ้าเชื่อ (credo) ถึงตอน มาบังเกิดเป็นมนุษย์ ทุกคนคุกเข่า และใช้บทนำขอบพระคุณสำหรับเทศกาลพระคริสตสมภพ |
|