โครงสร้างของพิธีบวชพระสงฆ์
1.การนำเสนอผู้รับเลือกให้รับศีลบวชต่อพระสังฆราชให้บวชเขาเป็นพระสงฆ์
2.บทเทศน์ของพระสังฆราชเตือนใจชุมนุมคริสตชนและผู้รับเลือกให้บวชเป็นพระสงฆ์เกี่ยวกับหน้าที่พระสงฆ์ 3.การแสดงความสมัครใจของผู้รับเลือกและคำสัญญาว่าจะเชื่อฟังพระสังฆราช สมณะประมุขของตน
4.คำภาวนาของที่ชุมนุม (บทร่ำวิงวอนนักบุญทั้งหลาย) 5.การปกมือและบทภาวนาถวายผู้รับศีลบวชอย่างสง่า (prayer of consecration)
6.พิธีกรรมอธิบายเกี่ยวกับหน้าที่ของพระสงฆ์ ได้แก่ การมอบอาภรณ์ในพิธีมิสซาให้พระสงฆ์ ใหม่ และพระสงฆ์รุ่นพี่จัดสโตลาและสวมกาซูลาให้แก่ผู้รับศีลบวช การเจิมฝ่ามือของผู้รับศีลบวช
ด้วยน้ำมันคริสมา และการมอบถ้วยกาลิกษ์ที่มีเหล้าองุ่นปนน้ำและจานรองที่มีแผ่นปังให้แก่ผู้รับศีลบวช 7.การมอบสันติสุข
1. การนำเสนอผู้รับเลือกให้รับศีลบวชต่อพระสังฆราชให้บวชเขาเป็นพระสงฆ์
ผู้ที่จะรับศีลบวชแต่งตัวชุดสังฆานุกร (อัลบา รัดประคด และสโตลาเฉียง) ถูกเรียกชื่อที่ละคน แต่ละคนตอบว่า อยู่ครับ (Adsum) และเดินเข้าไปยืนเบื้องหน้าพระสังฆราช
พระสงฆ์ผู้ใหญ่ในสังฆมณฑล ที่พระสังฆราชกำหนดไว้เพื่อการนี้ จะขอให้พระสังฆราชบวชผู้สมัครรับศีลบวช
พระสังฆราชจะถามถึงความเหมาะสมของผู้ที่จะรับศีลบวช
พระสงฆ์ผู้ใหญ่ท่านนั้นจะตอบว่า หลังจากได้สอบถามสัตบุรุษคริสตัง และจากความ
เห็นของผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องแล้ว ขอรับรองว่าเขาเป็นผู้เหมาะสม หมายความว่าผู้สมัครรับ
ศีลบวชได้รับการยอมรับจากกลุ่มคริสตชน และได้รับการเตรียมตัวอย่างดีจากผู้ใหญ่ที่ดูแล และเห็นว่าเขาเหมาะสมจะรับศีลบวช (เป็นการสะท้อนธรรมประเพณีของคริสตชนในสมัยโบราณที่กลุ่มคริสตชนเป็นผู้เลือกผู้ร
ับศีลบวชเป็นพระสงฆ์ หรืออย่างน้อยผู้ที่จะรับศีลบวชต้องได้รับความเห็นชอบจากกลุ่มคริสตชน)
พระสังฆราชจะเลือกผู้สมัครรับศีลบวชให้รับหน้าที่พระสงฆ์โดยกล่าวว่า เดชะพระเจ้า และเดชะพระเยซูคริสตเจ้า พระผู้ไถ่ ทรงช่วยเหลือ เราขอเลือกลูกของเราเหล่านี้ เข้ารับหน้าที่เป็นพระสงฆ์ คำพูดนี้ชี้ให้เห็นชัดเจนว่าศีลบวชเป็นการเลือกสรรจาก พระเจ้า โดยมีพระสังฆราชเป็นผู้แทนของพระองค์ (ที่จริงแล้วทุกคนเป็นคนบาป ไม่มีใครที่เหมาะสมที่จะรับใช้พระองค์ในหน้าท
ี่สงฆ์ แต่เป็นเพราะพระเมตตาของพระเจ้าที่ได้ทรงเลือกผู้จะรับศีลบวช และแน่นอนเป็นความสมัครใจและตั้งใจจริงของเขา ท
ี่จะพยายามปฏิบัติหน้าที่สงฆ์ของตนอย่างดี อาศัยความช่วยเหลือจากพระเจ้าและคำภาวนาของพี่น้องคริสตชน)
สัตบุรุษจะแสดงการตอบรับการเลือกของพระสังฆราชโดยกล่าวว่า ขอขอบพระคุณพระเจ้าหรือด้วยการแสดงออกอื่นๆตามประเพณีท้องถิ่น เช่น การปรบมือ ฯลฯ
2.บทเทศน์ของพระสังฆราชเตือนใจชุมนุมคริสตชนและผู้รับเลือกให้บวชเป็นพระสงฆ์เกี่ยวกับหน้าที่พระสงฆ์
บทเทศน์นี้สะท้อนคำสอนเรื่อง พระสงฆ์ในหน้าที่เกี่ยวกับพระคริสตเจ้า เกี่ยวกับพระสังฆราช เกี่ยวกับสภาสงฆ์ และเกี่ยวกับประชากรคริสตัง ใน ธรรมนูญด้านพระธรรมกล่าวถึงพระศาสนจักร (Lumen Gentium ข้อ 28)
คำสอนโดยสรุปในบทเทศน์ของพระสังฆราช คือ
โดยอาศัยศีลล้างบาปสัตบุรุษทุกคนเป็นราชสมณตระกูลในองค์พระเยซูเจ้า (1ปต 2:9; วว 1:6; 5:10) อย่างไรก็ตามพระ
คริสตเจ้าผู้เป็นมหาสมณะได้ทรงเลือกบรรดาศิษย์ให้ปฏิบัติหน้าที่สงฆ์เพื่อสัตบุรุษ
เช่นเดียวกับที่พระบิดาทรงส่งพระเยซูเจ้ามายังโลก พระองค์ก็ทรงส่งอัครสาวกไปในโลกเพื่อสืบต่องานของพระองค์ พระ
สังฆราชคือผู้สืบตำแหน่งจากอัครสาวกและสืบต่องานที่พระคริสตเจ้าทรงมอบหมายให้ท่าน และพระสงฆ์เป็นผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาและเป็นผู้ร่วมงานเดียวกันนี้ มีส่วนร่วมเป็นหนึ่งเดียวในหน้าที่สมณะของพระสังฆราช
แบบฉบับของพระสงฆ์ คือ พระเยซูเจ้า ผู้ทรงสอน อภิบาล และบันดาลความศักดิ์สิทธิ์
พระสงฆ์มีหน้าที่สอน (ประกาศก) เน้นที่การสอนด้วยวาจาและชีวิต จงเอาใจใส่เชื่อสิ่งที่ลูกอ่าน สอนสิ่งที่ลูกเชื่อ และดำเนินชีวิตตามสิ่งที่ลูกสอนนั้นเถิด
พระสงฆ์มีหน้าที่บันดาลความศักดิ์สิทธิ์ (พระสงฆ์) กล่าวถึงหน้าที่การถวายมิสซาและการประกอบพิธีศีลศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ รวม
ทั้งหน้าที่ของพระสงฆ์ในการสวดภาวนาเพื่อทุกคน ทั้งวันจงถวายคำสรรเสริญแด่พระเจ้า ขอบพระคุณ และสวดภาวนา มิใช่เพ
ื่อประชากรของพระเจ้าเท่านั้น แต่สำหรับมนุษย์ทั่วโลกด้วย พระสงฆ์ทำหน้าที่นี้ด้วยจิตตารมณ์แห่งความรักและรับใช้เหมือนกับ
พระเยซูเจ้า จงทำหน้าที่ของพระคริสตเจ้า สงฆ์ผู้ยิ่งใหญ่ด้วยใจรักแท้จริงและยินดีเสมอ ไม่ใช่หาผลประโยชน์ใส่ตน แต่หาผล ประโยชน์ของพระคริสตเจ้าเท่านั้น
พระสงฆ์มีหน้าที่อภิบาล (นายชุมพาบาล) เน้นถึงการร่วมงานกับพระสังฆราชและอยู่ใต้อำนาจของพระสังฆราช รวมทั้งการ สร้างความเป็นหนึ่งเดียวให้เกิดขึ้นในหมู่สัตบุรุษ โดยยึดเอาแบบอย่างของพระเยซูเจ้า พระองค์ไม่ได้เสด็จมาเพื่อให้ผู้อื่นรับใช้พระองค์ แต่เพื่อทรงรับใช้ผู้อื่น เพื่อทรงตามหาคนบาปและช่วยให้รอดพ้น
3.การแสดงความสมัครใจของผู้รับเลือกและคำสัญญาว่าจะเชื่อฟังพระสังฆราช สมณะประมุขของตน
การแสดงความสมัครใจของผู้จะรับศีลบวชโดยตอบคำถามของพระสังฆราช เป็นการแสดงความพร้อมของเขาที่จะรับงาน
หน้าที่พระสงฆ์ในฐานะผู้อภิบาล ผู้บันดาลความศักดิ์สิทธิ์ และผู้สอน นอกจากนี้ยังเป็นการ แสดงความสมัครใจของเขาที่จะมอบถวายตนแด่พระเจ้าโดยมีความสัมพันธ์เป็นหนึ่งเดียว
กับพระเยซูเจ้าพระสงฆ์ผู้สูงสุดเพื่อความรอดพ้นของมนุษยชาติ
จากนั้น ผู้รับศีลบวชก้าวเข้าไปหาพระสังฆราช คุกเข่าวางมือในอุ้งมือพระสังฆราช
สัญญาว่าจะเคารพและเชื่อฟังท่านและผู้สืบตำแหน่งต่อจากท่าน (กิริยาอาการนี้เคยเป็น การแสดงออกของขุนนางในประเทศเยอรมันสมัยโบราณ เวลาที่ได้รับพระราชทานที่ดิน
จากกษัตริย์ ขุนนางผู้นั้นจะวางมือของตนในอุ้งมือของกษัตริย์ เป็นการแสดงว่าเขายอม อยู่ใต้อำนาจ และเป็นพันธมิตรกับกษัตริย์)
4.คำภาวนาของที่ชุมนุม (บทร่ำวิงวอนนักบุญทั้งหลาย)
ศีลบวชเป็นพระพรของพระเจ้า ดังนั้น เมื่อพระสังฆราชเชิญชวนทุกคนที่มาร่วมในพิธีให้ภาวนา
วอนขอพระพรของพระเจ้าเพื่อผู้ที่จะรับศีลบวช ทุกคนจะคุกเข่าลง ผู้รับศีลบวชจะนอนราบลงไปกับ พื้น และทุกคนจะภาวนาบทร่ำวิงวอนนักบุญทั้งหลาย(สามารถเพิ่มชื่อนักบุญองค์อุปถัมภ์ของท้องถิ่นนั้นเข้าไปในบทร่ำวิงวอนฯได้)
การคุกเข่าของทุกคนที่มาร่วมพิธีเป็นอากัปกริยาที่ให้ความหมายถึงการวอนขอพระพรจากพระเจ้า
การที่ผู้ได้รับเลือกให้รับศีลบวชนอนราบลง ให้ความหมายถึงการวอนขอพระพรจากพระเจ้าอย่างล
ึกซึ้ง และในขณะเดียวกันยังสื่อความหมายว่า ในความเป็นมนุษย์ผู้ต่ำต้อยและอ่อนแอเขาไม่เหมาะสมที่จะรับหน้าที่พระสงฆ์ แต่การนี้เป็นไปได้อาศัยความช่วยเหลือของพระเจ้า และคำภาวนาของพี่ น้องคริสตชน
5.การปกมือและบทภาวนาถวายผู้รับศีลบวชอย่างสง่า (prayer of consecration)
ขั้นตอนนี้ถือเป็นขั้นตอนสำคัญของพิธีบวชพระสงฆ์ ผู้รับศีลบวชเป็นพระสงฆ์เข้ามาคุกเข่าต่อหน้าพระสังฆราช พระสังฆราช
ปกมือเหนือศีรษะโดยไม่กล่าวอะไร ต่อจากนั้น พระสงฆ์ผู้ร่วมพิธีทุกองค์ สวมสโตลา ปกมือเหนือ ศีรษะผู้รับศีลบวชโดยไม่กล่าวอะไร ปกมือเสร็จแล้ว พระสงฆ์ยืนเป็นวงกลมล้อมรอบพร้อมกับพระ
สังฆราช จนจบบทถวายผู้รับศีลบวชอย่างสง่า ขณะผู้รับศีลบวชคุกเข่าอยู่ พระสังฆราชผายมือ ภาวนาบทถวายผู้รับศีลบวชอย่างสง่า อาการนี้แสดงว่าพระสงฆ์ใหม่ที่ได้รับการบวชนี้ถูกรับเข้ามา
เป็นพี่น้องในหมู่คณะสงฆ์
การปกมือของพระสังฆราชและพระสงฆ์เป็นการแสดงกิริยาที่มีกล่าวถึงในพระคัมภีร์ เพื่อวอนขอ
พระจิตเจ้าลงมายังผู้รับศีลบวช ให้ประทานพระพรในการทำหน้าที่สงฆ์ของเขา แต่พิธีกรรมก็แสดง ออกด้วยว่า ผู้ที่ทำหน้าที่ประกอบศีลบวชคือพระสังฆราช ดังนั้น พระสังฆราชแต่ผู้เดียวเท่านั้นท
ี่ ภาวนาบทถวายผู้รับศีลบวชอย่างสง่า (prayer of consecration)
6.พิธีกรรมซึ่งอธิบาย เกี่ยวกับหน้าที่ของพระสงฆ์
การมอบอาภรณ์ในพิธีมิสซาให้พระสงฆ์ใหม่และการที่พระสงฆ์รุ่นพี่ท่านหนึ่งช่วยจัดสโต
ลาให้ (เป็นแบบของพระสงฆ์) และสวมกาซูลาแก่ผู้รับศีลบวช อาภรณ์ในพิธีมิสซาหมายถึงหน้าที่หลักของพระสงฆ์ คือ การถวายบูชามิสซาเพื่อประชาสัตบุรุษสโตลาหมายถึงหน้าที่
ในความรับผิดชอบของพระสงฆ์ ที่จะรับใช้สัตบุรุษตามแบบฉบับของพระเยซูเจ้า และยัง สะท้อนพระวาจาของพระองค์ที่ว่า เพราะว่าแอกของเราอ่อนนุ่มและภาระที่เราให้ท่านแบก
ก็เบา (มธ 11:30) ส่วนกาซูลาเป็นเสื้อที่พระสงฆ์สวมเพื่อเป็นประธานในพิธีมิสซา (นักพิธีกรรมตั้งแต่สมัยกลางถึงศตวรรษที่ 13 นำโดย Rabanus Maurus ได้ให้ความหมายของเส
ื้อนี้ว่า เป็นสัญลักษณ์แห่งความรักเมตตา ซึ่งครอบคลุมคุณธรรมทุกอย่าง มีศักดิ์ศรี มีเกียรติ ิเหนือสิ่งอื่นใดเพราะเสื้อนี้คลุมทับเสื้อ และเครื่องหมายอื่น ๆ ทุกชิ้นไว้)
การเจิมด้วยน้ำมันมีที่มาจากพระคัมภีร์พันธสัญญาเดิม แสดงว่าคนหนึ่งได้รับเลือกสรรจากพระเจ้าเพื่อหน้าที่ศักดิ์สิทธิ์ข
อง พระองค์ ดังนั้นการที่พระสังฆราชเจิมฝ่ามือของผู้รับศีลบวชด้วยน้ำมันคริสมาจึงให้ความ หมายว่า พระเจ้าทรงแต่งตั้งพระสงฆ์ เพื่อหน้าที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ และมือของพระสงฆ์
ได้รับการเตรียมให้ปฏิบัติหน้าที่ศักดิ์สิทธิ์ และสัมผัสภาชนะศักดิ์สิทธิ์ เช่น การถวายมิสซา การอวยพร ฯลฯ คำภาวนาของพระสังฆราชในขณะที่เจิมน้ำมันคริสมาที่ฝ่ามือของผู้รับศีล บวช ขอพระเยซูคริสตเจ้า ซึ่งพระบิดาผู้ทรงสรรพานุภาพ ได้ทรงเจิมด้วยพระจิตเจ้าจงคุ้มครองลูก เพื่อช่วยทำให้ประชากรคริสตังเป็นคนศักดิ์สิทธิ์และเพื่อถวายบูชามิสซาแด่พระเจ้า ให้ความหมายที่สมบูรณ์ของพิธี กรรมนี้
การมอบถ้วยกาลิกส์ที่มีเหล้าองุ่นปนน้ำและจานรองที่มีแผ่นปังให้แก่ผู้รับศีลบวช ให้ ความหมายว่าพิธีมิสซาเป็นหัวใจและมีความสำคัญอย่างยิ่งในชีวิตสงฆ์ ในฐานะที่เขาเป็นผู้ประกอบพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์นี้ และใน
ขณะเดียวกันเขาต้องดำเนินชีวิตให้สอดคล้องกับพิธีกรรมที่เขาประกอบ ดังบทภาวนาที่พระ สังฆราชภาวนาขณะที่มอบกาลิกส์และจานรองแผ่นปังให้ผู้รับศีลบวช จงรับของถวายของ
ประชากรศักดิ์สิทธิ์ เพื่อถวายแด่พระเจ้า จงสำนึกสิ่งซึ่งลูกกระทำ จงเจริญชีวิตให้สมกับสิ่งท ี่ลูกจะปฏิบัติ และจงประพฤติตนให้สอดคล้องกับพระคริสตเจ้า ผู้ทรงถวายองค์บนไม้กางเขน
7.การมอบสันติสุข
พิธีบวชพระสงฆ์จบลงโดยพระสังฆราชมอบสันติสุขแก่ผู้รับศีลบวช ต่อจากนั้นพระสงฆ์ใหม่ร่วมถวายมิสซากับพระสังฆราช
|