เมื่อประมาณ 50
ปีที่แล้วหรือกว่านั้น
ตามธรรมเนียมปฏิบัติ ทุกบ่ายวันอาทิตย์ตามวัดต่างๆ จะมีการสวดสายประคำและต่อด้วยพิธีอวยพรศีลมหาสนิท แต่ว่าในเวลาต่อมา จำไม่ได้ว่าเมื่อใดแน่ ธรรมเนียมปฏิบัตินี้ก็ได้หายไป และก็คงจะเหมือนๆกันในทุกๆ วัด คิดแล้วก็อด สียดายไม่ได้ เพราะเป็นความศรัทธาที่เสริมสร้างความเชื่อให้กับชีวิตคริสตชน แต่ก่อนเราคริสตชนคาทอลิกมีมิสซาเฉพาะเวลาเ
ช้า มิสซาเวลาเย็นไม่ค่อยเคยได้เห็น พวกเราคริสตชนจึงสามารถ มีกิจศรัทธาอย่างอื่นๆ ได้ พอเรามีมิสซาในเวลาเย็นกิจศรัทธาอย่างอื่นๆ ส่วนใหญ่ก็ได้หายไปโดยอัตโนมัติ กิจศรัทธาอย่างหนึ่งที่ได้หายไปอย่าง
น่าเสียดายตามที่ได้เกริ่นไว้แล้ว ก็คือ พิธีอวยพรศีลมหาสนิทและการสวดสายประคำ พร้อมๆ กันที่วัด แต่จะขอพูดถึงเรื่องพิธีอวยพรศีลมหาสนิทเพื่อเป็นความรู้เล็กๆ น้อยๆ
พิธีอวยพรศีลมหาสนิทเป็นกิจศรัทธาอย่างหนึ่ง โดยการอัญเชิญแผ่นศีลซึ่งโดยปกติแล้ว ก็จะบรรจุอยู่ใ
นรัศมีมาตั้งแสดงไว้บนพระแท่นให้สัตบุรุษได้พิศเพ่งดูและกราบไหว้นมัสการ และหลังจากที่ได้ขับร้องเพลงที่เหมาะสมแล้ว ผู้ที่เป็นประธานในพิธี ก็จะอวยพรสัตบุรุษด้วยรัศมีที่มี แผ่นศีลบรรจุอยู่
เชื่อกันว่าพิธีอวยพรศีลมหาสนิทนี้ เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่มีการพัฒนาเรื่องพิธีกรรมในศตวรรษที่ 12 - 13 โดยเริ่มขึ้นจากการที่พร
ะสงฆ์ยก แผ่นศีลชูขึ้น เวลาประกอบพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณ เพื่อเป็นการยืนยันว่า เมื่อพระสงฆ์กล่าวคำอวยพร นี่คือ กายของเรา เหนือแผ่นปังแล้ว ทันที แผ่นปังนั้นก็ได้กลายเป็น พระกายของพระเยซูคริสตเจ้า ซึ่งต่อมาได้มีการพูดถึงว่า สั
ตบุรุษที่ได้พิศเพ่งดูและกราบนมัสการ(แผ่น)ศีลมหาสนิทนี้ ก็จะได้รับพระคุณพิเศษต่างๆ เช่นจะได้รับการคุ้มครองมิให้ประสบความตายทันด่วนโดยมิได้เตรียมตัว หรือได้รับความคุ้มครองมิให ้เสียสายตา (=ไม่ให้ตา บอด) ฯลฯ
นอกจากจะมีโอกาสพิศเพ่งดู (แผ่น) ศีลมหาสนิทหรือพระกายของพระคริสต์ในระหว่างพิธีมิสซาบูชาขอบ
พระคุณแล้ว ต่อมาก็ได้เกิด รรมเนียมปฏิบัติที่ก้าวหน้าไปอีกขั้นหนึ่งคือสามารถพิศเพ่งดูและกราบนมัสการพระกายของพระคริสต์นอกพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณได้อีกด้วย และในกรณีของสัตบุรุษที่ป่วย ไม่สามารถไปร่วมพิธีมิส
ซาบูชาขอบพระคุณ พระสงฆ์ก็ สามารถนำ(แผ่น)ศีลมหาสนิท มาให้พิศเพ่งดูและกราบนมัสการได้
ในศตวรรษที่ 14 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศเยอรมันนี ได้มีการตั้งศีลมหาสนิทในตู้ศีลที่เป็นกระจกใส
เพื่อให้สัตบุรุษได้พิศเพ่งดูและกราบนมัสการได้ตลอดทั้งวันทั้งคืนตามที่ต้องการ แต่ต่อมาได้มีการจำกัดเวลาลง เพื่อมิให้ฟุ่มเฟือยจนเกินไปเพราะเกรงว่าจะเกิดความไม่เหมาะสมและขาดความคารวะ
ในศตวรรษที่ 15 ในประเทศเยอรมันนีและเนเธอร์แลนด์ ได้มีธรรมเนียมปฏิบัติอีกอย่างหนึ่งเกิดขึ้น คือได้มีการตั้งศีลมหาสนิทข
ณะที่ กำลังประกอบพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณ เพื่อให้ดูว่าพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณนั้น มีความสง่างามมากยิ่งขึ้น แต่ว่าใน ไม่ช้า
ก็มีคำสั่งให้เลิกธรรมเนียมปฏิบัตินั้น หรือถ้าจะทำ ต้องอยู่ภายใต้การดูแลกวดขันของพระสังฆราชผู้ปกครองท้องถ
ิ่น และในสมัยของนักบุญฟิลิป เนรี และนักบุญ ชาร์ลส์ บอร์โรเมโอ ในศตวรรษที่ 15-16 ได้มีธรรมเนียมปฏิบัติ ที่จะตั้งศีลมหาสนิทเป็นระยะเวลาสั้นบ้างยาวบ้างตามความเหมาะสม โดยทั่วๆไป พระศาสนจักรเคยมีการแยกแยะกา
รตั้งศีลมหาสนิทหรืออวยพรศีลมหาสนิทออกเป็น 2 ประเภทด้วยกัน คือ แบบส่วนตัวและแบบสาธารณะ
การตั้งศีลมหาสนิทแบบส่วนตัว ให้อยู่ในอำนาจหน้าที่ของพระสงฆ์เจ้าวัดที่จะให้มีขึ้นได้ ก็ด้วยเหตุผลเพื่อส่
งเสริมความศรัทธาภักดีของสัตบุรุษเป็นการส่วนตัว โดยการเปิดประตูตู้ศีลให้สัตบุรุษได้พิศเพ่งดูผอบศีล หรือ (แผ่น) ศีลมหาสนิทที่ตั้งไว้ในตู้ศีล
ส่วนการตั้งศีลมหาสนิทหรืออวยพรศีลมหาสนิทแบบสาธารณะนั้น จำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากพระสังฆราชผู้
ปกครองท้องถิ่นเป็นครั้งๆไป หรือครั้งเดียวสำหรับตลอดไป โดยปกติแล้ว แผ่นศีลมหาสนิทจะต้องได้รับการบรรจุไว้ในรัศมี และให้สามาร
ถพิศเพ่งดู และกราบไหว้นมัสการได้ รวมทั้งจะต้องมีความสง่างามและเหมาะสมบนพระแท่นที่มีแสงเทียนแสงไฟ มีการถวายกำยาน ขับร้
องเพลง และต้องมีสัตบุรุษจำนวนหนึ่งร่วมพิธีด้วย
พิธีอวยพรศีลมหาสนิทเป็นภูมิปัญญาของการเสริมความเชื่อชีวิตคริสตังอย่างไรนั้น แน่นอนพระศาสนจักรคาทอล
ิก ได้เคยยึดถือเสมอมาว่า ศีลมหาสนิทเป็นธรรมล้ำลึกแห่งความเชื่อ เป็นสมบัติสุดประเสริฐที่พระเยซูคริสตเจ้าสามารถมอบให้กับมนุษยชาติ เป็นเสมือนมัดจำแห่งความรักสุดประมาณของพระองค์ เมื่อสัตบุรุษทำการพิศเพ่งดูและกราบนมั
สการศีลมหาสนิทนี้ จึงเท่ากับเป็นการประกาศยืนยันถึงความเชื่อในการสถิตอยู่จริงของพระองค์ในแผ่นปังที่ได้รับการเสกแล้ว เป็นพระเยซูคริสต์องค์เดียวกันที่ทรงถูกตรึงบนไม้กางเขนเพื่อไถ่กู้มนุษยชาติ ในชีวิตโดยส่วนรวมของพระศาสน
จักร พิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณหรือศีลมหาสนิทจำเป็นจะต้องมาเป็นอันดับแรก เพราะเป็นท่อธารแห่งชีวิตที่บรรดาสัตบุรุษได้รับการชำระล้างให้สะอาดบริสุทธิ์และได้รับการเสริมพละกำลัง เพื่อให้พวกเขาได้เจริญชีวิตมิใช่เพื่อตัวเอง แต่เ
พื่อพระเจ้า และเพื่อเพื่อนมนุษย์ตามแบบอย่างของพระองค์ ดังนั้น การที่เราสัตบุรุษได้มาร่วมในพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณ หรือมาพิศเพ่งดูและกราบนมัสการพระองค์ในพิธีตั้งศีลมหาสนิทหรือในพิธีอวยพรศีลมหาสนิท ก็เท่ากับว่าไ
ด้มาเสริมสร้างความเชื่อของเราในองค์พระเยซูคริสตเจ้า ที่ประทับ อยู่ในศีลมหาสนิทให้มั่นคงยิ่งขึ้น และเป็นการให้กำลังใจแก่ชีวิตเหมือนดังที่สมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 ได้ทรงกล่าวถึงประสบการณ์ชีวิตของพระองค์ว่า ข้าพเจ้าเองมีประสบการณ์ และได้รับพละกำลัง ความบรรเทาใจ และการสนับสนุนจากศีลมหาสนิท
|