วันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์หรือวันพระตาย
เป็นวันที่บรรดาคริสตชนทั่วโลกรำลึกถึงการตรึงพระเยซูเจ้าที่ไม้กางเขนและการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ที่เขากัลวารีโอและเป็นวันแรกของ ตรีวารแห่งธรรมล้ำลึกปัสกา (Paschal Triduum) ซึ่งรวมไปถึงพิธีบูชาขอบพระคุณ ระลึกถึงการเลี้ยงและพิธีล้างเท้าของพระคริสตเจ้า ของวันพฤหัสบดีศักดิ์สิทธิ์ด้วยเชื่อกันว่าวันที่พระเยซูเจ้าทรงถูกตรึงที่ไม้กางเขน เป็นวันศุกร์ (ยน
19: 42) ที่ 3 เมษายน ค.ศ. 33
เรื่องราวพระทรมานของพระเยซูเจ้าตามคำบอกเล่าของนักบุญยอห์น ช่วยให้เราเข้าใกล้ธรรมล้ำลึกแห่งปัสกาได้ดีเป็นพิเศษ และวันนี้เองที่เราพยายาม เจริญชีวิตตามธรรมล้ำลึกนี้ของพระองค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการสิ้นพระชนม์ของพระองค์
พระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์ในขณะที่ในพระวิหารมีการถวายบูชายัญลูกแกะปัสกา (ยน 19: 31) ดังนั้นการถวายบูชายัญซึ่งคือพะะองค์เอง จึงเป็นการถวายบูชายัญอย่างแท้จริง และการกระทำเพียงครั้งเดียวนี้ ก็เพียงพอสำหรับตลอดไป เพราะว่าบูชายัญที่เป็นจิตได้ทำให้บูชายัญที่เป็นวัตถุไร้ประโยชน์ไป นอกนั้น เรายังมีรายละเอียดอื่นๆ
ประกอบอีกด้วย ซึ่งช่วยทำให้เรื่องราวการสิ้นพระชนม์ของพระ เยซูเจ้าสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น คือ ประการแรก พระเยซูเจ้ามิได้ถูกเขาหักขา อันสอดคล้องกับบทบัญญัติของชาวยิว (อพย 12: 16) ประการที่สอง มีโลหิตไหลออกจากสีข้างของผู้ที่ถูกแทง โลหิตนี้ได้ประทับตราให้กับผู้ที่เป็นประชากรให
ม่ อันได้แก่ผู้ที่ พระเจ้าได้ช่วยให้รอดพ้น (เทียบ อพย 12: 7-13) ประการที่สาม พระคริสตเจ้าท
รงถูกตรึงที่ไม้กางเขนคือ แกะปัสกาที่แท้จริง เป็นพระองค์เองที่เป็น ปัสกาของเรา ที่ได้ถูกบูชายัญ
พระเยซูเจ้าเป็น แกะปัสกาที่แท้จริง เพราะว่าพระองค์คือความเป็นจริงของสิ่งที่บูชายัญในสมัยบรรพบุรุษได้แสดงออก ให้เห็นในการถวายเกียติแด่พระเจ้า พระองค์เป็นการช่วยให้รอดพ้นที่ประชาชาติได้รับและได้หวังไว้ เป็นพันธสัญญากับพระเจ้า เป็นพระผู้ที่บันดาลให้แผนการณ์ของพระบิดาเจ้าได้สำเร็จเป็นไป
คุณลักษณะของพระเยซูเจ้าดังกล่าวที่ได้บรรยายไว้ในพระวรสารมิใช่เป็นของใหม่แต่อย่างใดเลย บรรดาประกาศกโดย เฉพาะอย่าง
ยิ่งประกาศกอิสยาห์ได้บรรยายคุณลักษณะของ ผู้รับใช้ของพระเจ้า ในขณะที่ประกอบภารกิจในการช่วยให้ประชาชาติได้รับความรอดพ้น และให้เป็นที่สบพระทัยพระเจ้า พระองค์ทรงเป็นเหมือนกับที่ลูกแกะที่ไม่มีความผิดอะไรเลย แต่ว่าต้องแบกความบาปผิดของประช
าชาติของพระองค์ ทั้งยอมให้ศัตรูนำไปสู่แดนประหารโดยมิได้ปริปากแต่อย่างใดเลย และเป็นเพราะการสิ้นพระชนม์ที่พระองค์ยอมรับอย่างเต็มพระทัย นี้เอง ก็ก่อให้เกิดการเป็นผู้ชอบธรรม สำหรับคนจำนวนมาก...การพูดโต้ตอบกับปิลาโตแสดงให้เห็นว่า พระเยซูเจ้าชอบการนิ่งเงียบมากกว่า แม้ในขณะที่ผู้มีอำนาจทางฝ่ายบ้านเมืองและฝ่ายศาสนจักรกำลังตัดสินลงโทษพระองค์ให้ถึงตาย
เราคงจะไม่สามารถเข้าใจธรรมล้ำลึกของพระเยซูเจ้าได้อย่างครบถ้วน ถ้าหากว่าเราจะไม่ได้พินิจดูองค์พระชุมพาน้อยผู้รุ่งเรืองสุกใส
พระองค์ที่กำลังยืน อยู่เฉพาะพระพักร์พระเจ้าด้วยพระวรกายอันเต็มไปด้วยบาดแผล แต่ในขณะเดียวกันพระศาสนจักรก็มุ่งไปหาพระองค์ด้
วยความรักที่เต็มเปี่ยมที่สุดบนไม้กางเขน งานวิวาหมงคลขององค์พระชุมพาน้อยได้เริ่มขึ้นแล้ว แต่จะสำเร็จบริบูรณ์ก็เฉพาะในงานเลี้ยงฉลองในเมืองสวรรค์ (เทียบ วว 19: 7-9)
การเดินรูป 14 ภาค
ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้วที่ผู้ที่ไปจาริกแสวงบุญที่กรุงเยรูซาเล็ม จะต้องหาโอกาสและเวลาที่จะเดิน รำพึงตามหนทางที่พระเยซูเจ้าได้ดำเนินในระหว่างพระทรมานของพระองค์ (มรรคาศักดิ์สิทธิ์/เดินรูป 14 ภาค) และเป็นเวลาหลายศตวรรษมาแล้วที่คริสตชนได้นำเอาการปฏิบัตินี้มาปฏิบัติกันในท้องถิ่น ของตนเอง โดยเดินตามกางเขนที่มีผู้ถือนำหน้าพลางระลึกถึ
งขั้นตอนต่างๆ ของพระทรมานที่พระเยซู เจ้าต้องรับทน และเราเรียกการปฏิบัตินี้ว่า การเดินร
ูป 14 ภาค
การเดินรูป 14 ภาคนี้ เรียกร้องให้ผู้ที่ปฏิบัติ ทำการรำพึงคิดถึงการทนทุกข์ยากลำบากและ
ความ เจ็บปวดของพระเยซูเจ้าในแต่ละภาค ซึ่งในยุคเริ่มแรกยังไม่ได้มีการกำหนดบทสวดเฉพาะลงไป ทั้งยังไม่มีการเรียกชื่อสำหรับแต่ละภาคดังในยุคของเรานี้ด้วย เราควรจะให้ความสนใจในการรำพึงธรรมล้ำลึกแห่งความรัก และการอุทิศตนของพระเยซูเจ้าและของพระมารดาของพระ
องค์ ทั้งให้เราวิงวอนขอพระองค์ให้เรามีส่วนอย่างใกล้ชิดในยัญบูชาฝ่ายจิตของท่านทั้งสอง มากกว่าที่จะให้ความสนใจถึงลำดับขั้นตอนของเหตุการณ์ต่างๆของพระทรมานของพระองค์
พระคริสต์ที่ถูกตรึงบนไม้กางเขนคือการไขแสดงของพระเจ้า พระบิดาที่รักเรามนุษย์ และได้ทรง แสดงพระฤทธานุภาพของพระอง
ค์ในความอ่อนแอและในความล้มเหลวของมนุษย์
ในขณะเดียวกัน พระคริสต์ที่ถูกตรึงที่ไม้กางเขน ก็เป็นมนุษย์ที่แท้จริงซึ่งได้ยอมมอบชีวิตของตน เพื่อคนอื่นและเพื่อพระเจ้า
ข้อสังเกตให้ไตร่ตรอง:มีคนสี่คนที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาที่พระเยซูเจ้าทรงสิ้นพระชนม์
1. ผู้ร้ายคนหนึ่งที่ถูกตรึงกางเขนข้างๆพระเยซูเจ้า ได้วิงวอนขอพระองค์ให้ทรงระลึกถึงเขา เมื่อพระองค์จะเสด็จสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า (ลก 23: 39-43)
2. นายร้อยทหารโรมันได้ประกาศว่า ชายคนนี้เป็นพระบุตรพระเจ้าแน่ทีเดียว (มก 15: 39)
3. โยเซฟ ชาวอาริมาเธียซึ่งเป็นศิษย์ลับๆคนหนึ่งของพระเยซูเจ้าและเป็นสมาชิกสภาฯ ก็ได้เปิดเผยตัวเองออกมาจากการซ่อนตัวตลอดระยะเวลาที่พระเยซูเจ้ายังมีชีวิตอยู่
4. นิโคเดมัส ก็เป็นศิษย์ลับๆอีกคนหนึ่งของพระเยซูเจ้าเหมือนกันและเป็นสมาชิกสภาฯ และก่อนหน้านั้นได้เคยมาเฝ้าพระองค์เวลากลางคืน ก็มาพร้อมกับโยเซฟ ชาวอาริมาเธียทั้งสองได้ช่วยกันปลงพระศพของพระเยซูเจ้า (ยน 19: 38-42; 7: 50-52)
เป็นที่น่าสังเกตว่าทั้งสี่คนนี้ ได้รับการเปลียนแปลงจากการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูเจ้ามากกว่าจากชีวิตของพระองค์ทั้งสี่คนได้ตระหนักและยอมรับว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นบุตรพระเจ้า และการยอมรับที่ว่านี้ได้นำพวกเขาไปสู่ความเชื่อ การประกาศยืนยันและการลงมือทำกิจการ
เมื่อเราต้องเผชิญหน้ากับพระเยซูเจ้าและการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ เราก็ควรจะต้องได้รับการเปลี่ยนแปลงอันนำไปสู่ความเชื่อ การ
ประกาศยืนยันและการลงมือทำกิจการเช่นเดียวกับบุคคลทั้งสี่ที่ได้เอ่ยถึงนี้
ความกลัวที่จะยอมเปิดเผยตัวเอง ทำให้เราต้องซ่อนความเชื่อของเราจากเพื่อนฝูงคนรู้จักหรือเปล่า?
หรือว่าเรากล้าที่จะเปิดตัวของเราออกมาให้คนอื่นเขารู้ว่าเรากำลังติดตามและเป็นศิษย์ของใคร?
|