หน้าหลักเกี่ยวกับคณะฯโรงเรียนของคณะฯติดต่อคณะฯ

          ในปี ค.ศ. 1950 พระสันตะปาปาปีโอ ที่ 12 ได้ประกาศว่า “พระนางพรหมจารีมารีย์ได้รับเกียรติยกขึ้นสวร รค์ทั้งกายและวิญญาณ” เป็นข้อความเชื่อที่สัตบุรุษทุกคนจะต้องเชื่อ

          ที่จริงเราไม่รู้ว่าพระนางมารีย์ได้สิ้นใจอย่างไรและเมื่อไร  แต่ก็ได้มีวันฉลองนี้เกิดขึ้นแล้ว  โดยใช้ช ื่อเรียกว่า  “ฉลองการบรรทม” (dormitio) ของพระนางซึ่งเป็นการฉลองที่สอดคล้องกับการฉลองของนักบุญท ั้งหลายโดยทั่วไปอันอาจจะ   เป็นการฉลองการบังเกิดหรือการสิ้นใจก็ตาม การ “ฉลองบรรทม” ของพระนาง พรหมจารีนี้ถือว่าเป็นการฉลองที่สำคัญทีเดียว

          ที่วันฉลอง “พระนางพรหมจารีมารีย์ได้รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ทั้งกายและวิญญาณ” เป็นวันที่ 15 สิงหา คมนี้ เป็นไปได้ที่อาจจะเป็นการระลึกถึงการเสกพระวิหารถวายแด่พระนางที่กรุงเยรูซาเลม

          พระศาสนจักรในวันนี้ฉลองธรรมล้ำลึกแห่งปัสกาที่ได้สำเร็จ บริบูรณ์ในพระนางมารีย์  เนื่องจากว่าพระนา งมารีย์ทรงเป็นผู้ที่เปี่ยมด้วยพระหรรษทาน ไม่มีแม้แต่เงาของบาป พระบิดาเจ้าจึงทรงมีพระประสงค์ให้พระนางได้มีส่วนในการกลับคืนพระชนมชีพของพระคริสตเจ้าด้วย

ก. การที่พระนางมารีย์ได้รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ ได้ทำให้พระนางได้อยู่ใกล้ชิดเรายิ่งขึ้น

          บทอ่านทั้งสามบทของพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณในวันนี้ ได้แสดงให้เราเห็นอย่างชัดเจนถึงค่านิยมหรือคุณค่าของการเสด็จขึ้นสวรร ค์ของพระนางมารีย์ ตำแหน่งของพระนางในแผนการของการช่วยให้รอดหรือการไถ่บาปและสารที่พระนางต้องการมอบให้มนุษยชาติ

          1) จากบทอ่านที่ 1 พระนางมารีย์ทรงเป็น “หีบแห่งพันธสัญญา”ที่แท้จริงและทรงเป็น “สตรีผู้ที่สวมอาภรณ์แห่งดวงอาทิตย์” อันเป็น รูปแบบของพระ   ศาสนจักเหมือนๆ กับหีบแห่งพันธสัญญาที่โมเสสได้สร้างขึ้น และประดิษฐานไว้ในพระวิหารสำหรับจะเป็นสัญลักษณ์และ อุปกรณ์แห่งพันธสัญญาของพระผู้เป็นเจ้ากับบรรดาประชากรผู้ได้รับเลือกสรรของพระองค์ เช่นเดียวกัน พระนางมารีย์ได้รับเกียรติขึ้นสวรร ค์ทั้งกายและวิญญาณ ก็เพื่อจะเป็น “สัญลักษณ์” แห่งพันธสัญญาใหม่ หีบแห่งพันธสัญญานั้นบรรจุไว้ซึ่งธรรมบัญญัติ และจากหีบแห่งพันธ สัญญานี่เองที่พระผู้เป็นเจ้าทรงตอบสนองคำทูลขอต่างๆ ของประชากรของพระองค์  พระนางมารีย์ได้ทรงมอบพระเยซูเจ้าให้แก่พวกเรา  พระองค์ทรงเป็นผู้ประกาศธรรมบัญญัติแห่งความรักและผู้ได้ทำให้พันธสัญญาใหม่ของการช่วยให้รอดพ้นได้สำเร็จเป็นไปในพระองค์

          พระนางมารีย์ทรงเป็นรูปแบบของพระศาสนจักร  พระนางทรงเป็นพระมารดาของพระคริสตเจ้าและของเรามนุษย์ท ุกๆคนซึ่งพระนางได้ให้กำเนิด มาถวายแด่พระผู้เป็นเจ้าในความเจ็บปวดทรมานใต้เชิงกางเขนของพระบุตร ยิ่งกว่านั้นพระนางมารีย์ยังทรงเป็นการประกาศเอาไว้ล่วงหน้าถึงการช่วยให้รอดพ้นที่สมบูรณ์แบบซึ่งจะสำเร็จไปในพระอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า

          2) การช่วยให้รอดพ้นที่สมบูรณ์แบบนี้จะสำเร็จไป  โดยอาศัยพระภารกิจหรือผลงานของพระคริสตเจ้าผู้ได้ทรงกล ับคืนพระชนมชีพ (จากบทอ่านที่2)   เพราะพระองค์ทรงเป็นรูปแบบและผู้ที่ทรงทำให้การกลับคืนชีพรุ่งเรืองขั้นสุดท้ายได้สำเร็จไปการกลับคืนชีพที่รุ่งเรืองขั้นสุดท้ายนี้ พระนางมารีย์ได้รับก่อนใครอื่นหมด เพราะว่าพระนางทรงเป็นพระมา รดาของพระผู้เป็นเจ้า การปฏิสนธิอันนิรมลคืการประกาศ เอาไว้ก่อนถึงเป้าหมายของการไถ่บาปอันเป็นการนำมนุษย์ไปสู่ความบริสุทธิ์ปราศจากมลทิน ส่วนการได้รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ทั้งกายและวิญญาณนั้น เป็นการประกาศแจ้งให้ทรา บล่วงหน้าถึงชัยชนะขั้นสุดท้ายของการไถ่บาป  นั่นคือการได้รับเกียรตรุ่งโรจน์ของมนุษยชาติในพระคริสตเจ้า

          ในวันนี้ พระนางมารีย์ทรงเรียกร้องให้เราคริสตชนได้มีอารมณ์และความรู้สึกเช่นเดียวกับพระนาง ที่จะพยายามทำตัว  ให้อยู่ในประวั ติศาสตร์ของการ ช่วยให้รอดพ้น และที่ได้รับหมายกำหนดให้ทำตัวเราให้สอดคล้องกับพระคริสตเจ้าในพระเกียรติมงคล  และในความสุขที่ไ ม่มีวันจะสิ้นสุด เพื่อเราจะได้พบกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากันในเคหะของพระบิดาเจ้า  โดยนัยนสภาสังคายนาวาติกันที่ 2  จึงกล่าวว่า การได้รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ทั้งกายและวิญญาณของพระนางมารีย์นี้เปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งความหวังที่แน่นอน และให้กำลังใจแก่เราทุกคนด้วย (LG. 68)

          3) จากพระวรสาร... พระนางมารีย์ได้ประทานสารของพระนางในบท “Magnificat” ให้แก่เรามนุษย์ทุกคน พระนางได้ทรงประกาศว่า พระผู้เป็นเจ้าได้ ทรงพลิกสถานการณ์ที่ไม่ถูกต้องของมนุษยชาติ 3 อย่างด้วยกัน เพื่อที่จะปฏิสังขรณ์ชาติมนุษย์เสียใหม่ในการช่วยให้รอดอันเป็นพระภารกิจของพระคริสตเจ้า

           3.1)ในทางด้านศาสนา พระองค์ได้ทรงทำให้เห็นว่าการที่มนุษย์คิดว่าตัวเองไม่ต้องฟังใครเลยนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง โดยพระอง ค์ได้ทรงบันดาล ให้โครงการต่างๆ ที่เต็มไปด้วยความจองหองถือดีของพวกเขาเหล่านั้นต้องมีอันเป็นไป เพราะคนเหล่านี้ได้ทำการขัดสู้กับพระผู้เป็นเจ้าและได้ทำการกดขี่ข่มเหง เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน

           3.2)ในด้านการเมือง พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงบันดาลให้ทรรศนะคติทั่วๆ ไปในทางการเมืองได้กลับตาลปัตร  คือพระองค์ได้ทรงลดเกียรติพวกผู้มอำนาจทั้งหลาย โดยถอดพวกเขาออกจากบัลลังก์แห่งอำนาจและได้ทรงยกย่องและให้เกียรติผู้ที่มีใจสุภาพแทน  พระองค์ไม่ ทรงประสงค์ให้พวกเขาเป็นนายเหนือคนอื่น แต่ต้องการให้พวกเขาได้รับใช้เพื่อที่จะส่งเสริมคุณงามความดีและการอยู่ดีกินดีของทุกๆคนและของสังคม โดยไม่มีการแบ่งชั้นวรรณะหรือเลือกเฉพาะบุคคล

           3.3)ในด้านสังคม พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงหักหาญและทำลายชนชั้นที่คิดว่าจะแตะต้องไม่ได้ เพราะตัวเองมีเง ินมีทอง มีอำนาจวาสนา แต่พระองค์ได้ทรงบันดาลให้ผู้ที่ขัดสน  บริบูรณ์พรั่งพร้อมไปด้วยสมบัติพัสถาน  และบันดาลให้เศรษฐีต้องกลับไปมือเปล่า เพื่อจะปฏิรูปรื้อฟื้นความรักฉันท์พี่น้องที่แท้จริงในสังคมและในระหว่างมนุษย์ ทุกคน เพราะว่าเราทุกคนคือบุตรของพระผู้เป็นเจ้า

          และดังนี้การฉลองการปฏิสนธินิรมลและการได้รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ทั้งกายและวิญญาณของพระนางมารีย์ เต ือนเราให้คิดถึงประวัติศาสตร์แห่งความรอดพ้นจากมุมหนึ่งไปสู่อีกมุมหนึ่ง ประวัติศาสตร์อันนี้เองที่ในวันนี้ได้สำเร็จเป็นไปเพื่อเราทุกคน ดังนั้นให้เราวิงวอนขอพระนางมารีย์ พระมารดาของเรา ให้ช่วยนำเราไปสู่ความสำเร็จ บริบูรณ์ขั้นสุดท้ายด้วย

ข.พระนางมารีย์รูปแบบของพระศาสนจักร

          พระนางมารีย์ผู้ได้รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ทั้งกายและวิญญาณทรงเป็นสิ่งสร้างเหมือนกับเรามนุษย์ทุกคน  แต่ว่าบัดนี้พระนางได้บรรลุ ถึงความสำเร็จบริบูรณ์ของการช่วยให้รอดพ้นแล้ว และในขั้นที่พระวรกายของพระนางได้รับการเปลี่ยนแปลงให้สง่ารุ่งเรืองสุกใสด้วย พร ะนางมารีย์ทรงเป็นสตรีผู้นั้น ผู้สวมอาภรณ์แห่งดวงอาทิตย์ และมีดารา 12 ดวง เป็นมงกุฎ พระนางทรงเป็นมารดาที่ทรงคอยเราและเอาใจใส่เป็นกังวลถึงเรา ที่จะให้เราเดินไปสู่พระอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าอย่างปลอดภัย

          พระมารดาของพระคริสตเจ้าทรงเป็นรูปแบบของพระศาสนจักร พระนางทรงเป็นเครื่องค้ำประกันที่สว่างสุกใ ส เพราะโชคชะตาของการช่วยให้รอดพ้นของพระนางได้รับการยืนยันและได้รับการประกันไว้แล้ว และเช่นเดียวกับพระนาง พระจิตของพระผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพจะทรงบันดาลให้พระภารกิจ คือการช่วยให้รอดพ้นของพระองค์ได้ส ำเร็จบริบูรณ์ไปในตัวเราทุกคน อันทำให้เราสามารถกล่าวได้ว่าพระนางมารีย์ได้เป็นแล้วในสิ่งที่เราทุกคนกำลังจะเป็นหลายๆคนอาจจะรู้สึกเบื่อและน่ารำคาญ เมื่อได้ยินพูดถึง “ความรอดพ้นของวิญญาณ” เพราะดูเหมือนว่าชีวิตแ ห่งแสงสี กลิ่น รส และเครื่องแต่งกายต่างๆ ซึ่งเป็นที่ดึงดูด ใจพวกเขา จะต้องสูญหายไป และดูเหมือนว่าร่างกายจะไม่มีประโยชน์อะไรอีกต่อไปพวกเขาคิดถูก เพราะมันไม่ได้เป็นดังที่ว่านั้น พระนางมารีย์ได้รับเกียรติยกขึ้นสวรร ค์ทั้งกายและวิญญาณ ย่อมเป็นหลักประกันว่ามนุษย์ทั้งตัวตน จะได้รับการช่วยใหรอดพ้นในขั้นสมบูรณ์ที่สุด คือร่างกายจะกลับคืนชีพด้วย

          สำหรับคริสตชนการช่วยให้รอดพ้น คือการกลับคืนชีพของร่างกาย คือเขาจะพบโลกใหม่และแผ่นดินใหม่

          อาหารขั้นพื้นฐานของมนุษย์พบได้ในศีลมหาสนิท ปังแห่งความไม่รู้ตายอันเป็นผลิตผลของแผ่นดิน  ของต้นข้าว ของต้นองุ่นและเ ป็นผลงานของมนุษย์  และเป็นศีลมหาสนิทนี่เองที่เป็นหลักประกันประจำวันว่าการช่วยให้รอดพ้นได้มาถึงมนุษย์ทุกคนในสภาพที่แท้จริงของตน เพื่อช่วยพวกเขาให้รอดพ้นจากความตาย อันเป็นศัตรูตัวร้ายของความเจริญก้าวหน้าของมนุษย์

หน้าหลัก