หน้าหลักเกี่ยวกับคณะฯโรงเรียนของคณะฯติดต่อคณะฯ

          วันอาทิตย์นี้ ซึ่งพระศาสนจักมอบให้กับการแพร่ธรรม บุคคลแรกที่ข้าพเจ้าขอกล่าวถึงคือบรรดาพระสังฆราช พระสงฆ์  พี่น้องชายหญิงที่รัก    และประชากรทั้งมวลของพระเจ้า เพื่อส่งเสริมให้ท่านแต่ละคนตระหนักอย่างลึกซึ้งถึงงานธรรมทูตที่ได้รับมอบอำนาจจากพระคริสตเจ้าให้ไป “สั่งสอนนานาชาติให้มาเป็นศิษย์” (มธ 28:19)  ตามแบบอย่างท่านนักบุญเปาโลอัครสาวกของนานาชาติ

          

 
         เป้าหมายของพันธกิจของพระศาสนจักร   คือ   ส่องสว่างด้วยแสงแห่งพระวรสารให้มนุษย์ทุกคนเดินทางผ่านประวัติศาสตร์ไปหาพระเจ้า 
เพื่อว่าในพระองค์พวกเขาจะได้สมปรารถนาบรรลุผลสำเร็จอย่างสมบูรณ์ เราต้องดำเนินชีวิตด้วยค วามปรารถนาและความกระตือรือร้นที่จะส่องสว่างแสงของพระคริสตเจ้าให้กับมนุษย์ทุกคน ซึ่งส่องแสงอยู่บนใบหน้าของพระศาสนจักร เพื่อให้ทุกคนมารวมกันอยู่ในครอบครัวมนุษย์หนึ่งเดียวภายใ ต้ความรักของพระเจ้าผู้ทรงเป็นพระบิดา ด้วยมุมมองนี้ บรรดาศิษย์ของพระคริสตเจ้ากระจายงานออกไปทั่วโลก ต้องต่อสู้ดิ้นรนและถูกบีบบังคับด้วยความเจ็บปวดจากภาระหน้าที่อุทิศชีวิตของพว กเขาอย่างแท้จริง ให้เราประกาศอย่างแข็งขันอีกครั้งถึงสิ่งที่สมเด็จพระสันตะปาปาองค์ก่อนๆ ข้าพเจ้าได้ทรงยืนยันบ่อยครั้งว่า งานของพระศาสนจักรไม่ใช่การขยายอำนาจ  หรือยืนยันอำนาจการ ปกครองแต่เป็นการนำ พระคริสตเจ้าพระผู้ช่วยโลกให้รอดพ้นไปสู่มนุษย์ทุกคน  เราไม่ขออะไรนอกจากการนำตนเองเข้าไปบริการรับใช้มนุษยชาติทั้งปวง  โดยเฉพาะผู้ได้รับความเจ็บปวดและถูกกีดกัน เพราะเราเชื่อว่า  
“ความพยายามที่จะนำพระวรสารไปประกาศแก่บุคคลเหล่านี้ ถือเป็นการทำประโยชน์ช่วยเหลือชุมชนคริสตชนและมนุษยชาติทั้งมวล” (EN 1)   ซึ่ง “มีความเชี่ยวชาญประสบความสำเร็จต่างๆมากมาย  แต่ดูจะสูญเสียสำนึกถึงสัจธรรมสูงสุด และแม้กระทั่งการดำรงชีวิตของตนเอง” (RM 2)


         ในความจริงที่ว่า มนุษย์ชาติทั้งมวลมีความต้องการอย่างมากที่จะกลับไปสู่แหล่งกำเนิดของตน คือกลับไปหาพระเจ้า   เพราะในพระองค์เท่านั้น   ที่จะสามารถพบสิ่งที่บรรลุผลโดยทางการบรูณะทุกสิ่งขึ้นใหม่ในองค์พระคริสตเจ้า สภาพที่แยกกระจาย ความหลากหลาย   ความข ัดแย้ง และความเป็นปฏิปักษ์จะยุติลงและกลับคืนดีกันโดยทางพระโลหิตที่ทรงหลั่งบนไม้กางเขน และนำกลับไปสู่ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน   การเริ่มต้นใหม่นี้ได้เริ่มต้นแล้วพร้อมกับการคืนพระชนมชีพ  และการทำให้สูงขึ้นของพระคริสตเจ้าผู้ทรงดึงดูดทุกสิ่งมาสู่พระองค์ ทรงฟื้นฟูและทรงทำให้พวกเขาทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมในความชื่นชมยินดีนิรันดร์ของพระเจ้า  อนาคตของสิ่งสร้างใหม่ฉายแสงแล้วใ นโลกของเรา ถึงแม้จะมีความขัดแย้ง  ความเจ็บปวด ความไร้ความปราณีของความหวังในชีวิตใหม่ พันธกิจของพระศาสนจักรคือการทำให้มนุษย์ทุกคน
“ติดเชื้อ” ด้วยความหวัง  นี่คือเหตุผลที่ทำไมพระคริสตเจ้าทรงเรียก ทรงทำให้ศักดิ์สิทธ์และทรงส่งบรรดาศิษย์ของพระองค์ออกไปประกาศถึงพระอาณาจ ักรพระเจ้า เพื่อให้ทุกประเทศกลายเป็นประชากรของพระเจ้า เฉพาะในพันธกิจนี้เท่านั้นที่ควรจะเป็นพื้นฐานอันมั่นคงในชีวิตของพระศาสนจักร   เพื่อประกาศข่าวดี เราต้องเป็นเหมือนท่านอัครสาวกเป าโลซึ่งท่านถือเป็นหน้าที่หลักและต้องผลักดันให้เกิดขึ้น

          พระศาสนจักรสากลซึ่งไม่มีพรมแดนและไม่มีขอบเขต สำนึกถึงความรับผิดชอบในการประกาศข่า วดีให้มนุษย์ทุกคน (เทียบ EN 53) เป็นหน้าที่ของพระศาสนจักรที่จะเป็นเมล็ดพันธ์แห่งความหวังโดยกระแสเรียก   และสานต่อการบริการรับใช้ของพระคริสตเจ้าในโลก  การวัดพันธกิจและการบริการรับใช้ขอ งพระศาสนจักร มิใช่วัดจากวัตถุหรือความจำเป็นฝ่ายจิตที่ถูกจำกัดวงอยู่ในความเป็นอยู่ในโลก  แต่เป็นความรอดพ้นที่เหนือระดับธรรมชาติที่สำเร็จสมบรูณ์ในพระอาณาจักรพระเจ้า (เทียบ EN 27) พระอา ณาจักรนี้  ถึงแม้จะเป็นอันตกาลที่สมบูรณ์  แต่มิใช่ในโลกนี้ (เทียบ ยน 18: 36) คือในโลกนี้และในประวัติศาสตร์  เพื่อความยุติธรรมและสันติ   เพื่อเสรีภาพแท้จริงและการเคารพต่อศักดิ์ศรีของบุคคลมนุ ษย์ทุกคน พระศาสนจักรปรารถนาที่จะเปลี่ยนแปลงโลกด้วยการประกาศข่าวดีแห่งความรัก  “ที่คอยส่ องความสว่างมายังโลกที่กำลังมืดมัวลง  และคอยให้ความกล้าหาญอันจำเป็นแก่เรา  ที่ทำให้เราสามารถดำเนินชีวิตต่อไปและทำงานต่อไป...อาศัยวิธีนี้ขอให้นำความสว่างของพระเจ้าเข้ามาสู่โลกของเรา” (Deus Caritas Est 39)  สารฉบับนี้ข้าพเจ้าเรียกร้องให้กระทำพันธกิจและการบริการรับใช้นี้เท่านั้น ขอให้สมาชิกทุกคนและทุกสถาบันของพระศาสนจักรได้ร่วมมือกันกระทำ

 

           ดังนั้นพันธกิจของพระศาสนจักร  คือการเรียกทุกคนไปสู่ความรอดพ้นซึ่งสำเร็จสมบูรณ์โดยพระคริสตเจ้า    โดยทางการบังเกิดเป็นมนุษ ย์ของพระบุตร  ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องฟื้นฟูการอุทิศตนของเราในการประกาศข่าวดีซึ่งเป็นเชื้อแป้งแห่งเสรีภาพและความก้าวหน้า  ภราดรภา พ 
เอกภาพ และสันติภาพ (เทียบ AG 8) ข้าพเจ้า “ยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่างานการประกาศข่าวดีแก่ชนทุกชาตินั้นเป็นหน้าที่สำคัญของพระศาสนจักร” (EN 14) หน้าที่และพันธกิจซึ่งเปลี่ยนแปลงอย่างกว่างขวา งและลึกซึ้ง  ในสังคมปัจจุบันทำให้ต้องกระทำอย่างเร่งด่วนมากยิ่งขึ้น  ซึ่งมีความรอดนิรันดร์ของมนุษย์ทุกคน เป้าหมายและความสำร็จของประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติและจักรวาลเป็นเดิมพัน  ความมีชี วิตชีวาและแรงบันดาลใจจากอัครสาวกของนานาชาติ  ทำให้เราต้องสำนึกว่าพระเจ้าทรงมีประชาชนจำนวนมากมายมหาศาลในเมืองต่างๆซึ่งศิษย์ในปัจจุบันต้องออกไปเยี่ยมเยียน (เทียบ กจ 18:10) คว ามจริงคือ “พระสัญญานี้มีไว้สำหรับท่านทั้งหลาย  สำหรับบุตรหลานของท่านและสำหรับทุกคนที่อยู่ห่างไกล”  (กจ 2:39) พระศาสนจักรทั้งมวล ต้องมุ่งมั่นที่จะ “แพร่ธรรมสู่นานาชาติ”  จนกว่าอธิปไตยแ ห่งการช่วยให้รอดพ้นของพระคริสตเจ้าจะสำเร็จสมบูรณ์
“ขณะนี้เรายังไม่เห็นว่าทุกสิ่งอยู่ใต้อำนาจของเขา” (ฮบ 2:8)

          

           

          วันนี้   ซึ่งพระศาสนจักรอุทิศให้กับการแพร่ธรรม   ข้าพเจ้าขอระลึกถึงบรรดาผู้ที่อุทิศชีวิตของตนทำงานการประกาศข่าวดีในคำภานา 
ข้าพเจ้าขอกล่าวเป็นพิเศษถึงบรรดาพระศาสนจักรท้องถิ่นต่างๆและบรรดาธรรมทูตผู้เป็นประจักษ์พยานและเผยแผ่พระอาณาจักรของพระเจ้าใน สถานการณ์ของการถูกข่มเหง   การถูกกดขี่ในรูปแบบต่างๆ  รวมถึงการถูกเลือกปฏิบัติทางสังคมอันนำไปสู่เรือนจำ การทรมานและความตาย มี
บุคคลเหล่านี้จำนวนไม่น้อยที่ถูกผลักดันไปสู่ความตายเพราะเห็นแก่ “พระนาม” ของพระองค์ ปัจจุบันยังม ีความสัมพันธ์อย่างมากกับพระดำรัสของสมเด็จพระสันตะปาปา ยอห์น ปอลที่ 2 ผู้ทรงเป็นพระสันตะปาปาองค์ก่อนข้าพเจ้าที่ทรงดำรัสไว้ว่า 
“ความทรงจำอันปลื้มปิติได้แสดงให้เราเห็นถึงการระลึกถึงเหตุการณ์อันไม่ คาดคิดในอดีตอันยาวนาน  แสดงให้เห็นว่าในยุคของเรานั้นการเป็นประจักษ์พยานมีผลอย่างมาก   ด้วยวิธีการในลักษณะต่างๆ พวกเขาสามารถดำรงชีวิตอยู่ในข่าวดีท่ามกลางการต่อต้านและการถูกข่มเหง ที่บ่อยครั้ง การทดสอบถึงจุดสูงสุดของการหลั่งเลือด” (Novo Millenio Ineunte 41) ความจริงแล้ว   การมีส่วนร่วมใน พันธกิจของพระคริสตเจ้ายังมีผลต่อชีวิตของบรรดาผู้ประกาศข่าวดีด้วย   สำหรับผู้ที่สงวนรักษาไว้เขาจะมีชะตากรรมเช่นเดียวกับ “เจ้านาย”  ของพวกเขา “จงจำวาจาที่เราบอกไว้เถิดว่า  ผู้รับใช้ย่อมไม่เป็นใหญ่กว่านายของตน  ถ้าเขาเบียดเบียนข่มเหงเรา  เขาก็จะเบียดเบียนข่มเหงท่านทั้งหลายด้วย” (ยน 15 : 20)  พระศาสนจักรเดินในหนทางเดียวกันนี้ และประสบกับชะตากรรมเช่นเดียวกับพระคริสตเจ้า เนื่องจากพระศาสนจ ักรมิได้กระทำบนพื้นฐานของเหตุผลใดๆของมนุษย์หรืออาศัยพละกำลังของตนเอง แต่เดินตามทางแห่งกางเขน เป็นความนอบน้อมเชื่อฟังฉันบุตรต่อพระบิดา  เป็นประจักษ์พยานและเพื่อนร่วมทางกับมนุษยชาติ ข้าพเ จ้าขอเตือนบรรดาพระศาสนจักรดั้งเดิมทั้งหลายและพระศานจักรที่ตั้งขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ว่า  องค์พระผู้เป็ นเจ้าทรงมอบหน้าที่ไว้ให้พวกเขาเป็นเกลือของแผ่นดิน  เป็นแสงสว่างของโลก และได้รับเรียกให้เผยแผ่พระคริสตเจ้า  เป็นแสงสว่างของนานา ชาติและของทุกมุมที่ห่างไกลของโลก การแพร่ธรรมสู่นานาชาติ ต้องเป็นความสำคัญอันดับแรกของโครงการอภิบาล ข้าพเจ้าขอขอบคุณและสน ับสนุนสมณองค์กรสนับสนุนงานแพร่ธรรม (PMS)  ในการให้บริการที่จำเป็นอย่างยิ่งในการส่งเสริมความกระตือรือร้นของบรรดาธรรมทูต  การอ บรมและการให้ความช่วยเหลือทางด้านวัตถุกับพระศาสนจักรที่ยังเยาว์ โดยทางการร่วมมือกันของสถาบันต่างๆ  ของสันตะสำนักในท่ามกลางพร ะศาสนจักรต่างๆ นั้นบรรลุผลอย่างน่าชมเชยในการแลกเปลี่ยนพระพรต่างๆ ความเอื้ออาทรซึ่งกันและกันและโครงการธรรมทูตต่างๆร่วมกัน

          แรงผลักดันของธรรมทูต เป็นเครื่องหมายแห่งพลังชีวิตของพระศาสนจักรต่างๆของเราอยู่เสมอ   (เทียบ RM 2)  อย่างไรก็ตามจำเป็นต้องย ืนยันอีกครั้งว่า  การประกาศข่าวดีเป็นงานริเริ่มของพระจิต   และดังนั้นก่อนที่จะกลายเป็นการกระทำพันธกิจการแพร่ธรรม จึงหมายถึงการเป็น ประจักษ์พยานและการกระจายความสว่างของพระคริสตเจ้า (เทียบ RM 26) ในส่วนของพระศาสนจักรท้องถิ่น ซึ่งได้ส่งบรรดาธรรมทูตชายและหญิงของตนออกไปนอกเขตแดนของตน ข้าพเจ้าจึงขอให้คาทอลิก ทุกคนสวดภาวนาวอนขอเพื่อพระจิตจะได้ทรงกระทำให้ความกระตือรือร้นของพระศาสนจักรเข้มข้นขึ้น เพื่อพันธกิจเผยแผ่พระอาณาจักรของพระเจ้า  และทรงช่วยเหลือธรรมทูตและชุมชนคริสตชนต่างๆที่เกี่ยวข้อง กับการแพร่ธรรมซึ่งอยู่ในแนวหน้า ที่บ่อยครั้งอยู่ในสถานการณ์ของการถูกต่อต้านและการถูกกดขี่ข่มเหง  ขณะเดียวกันข้าพเจ้าขอร้องทุกคนให้เป็นเครื่องหมายอันน่าเชื่อถือของการร่วมกันระหว่างพระศาสนจักรต่ างๆ การให้ความช่วยเหลือทางด้านการเงิน  โดยเฉพาะในช่วงเวลาแห่งวิกฤตต่างๆที่มีผลต่อมนุษยชาติทั้งมวล การช่วยเหลือ พระศาสนจักรที่ยังเยาว์ในเงื่อนไขเพื่อการทำให้ประเทศต่างๆ เข้าใจถึงความรักตามแ บบข่าวดี   ขอให้เรารับคำแนะนำในการทำงานแพร่ธรรมของเราจากพระนางมารีย์   พรหมจารีผู้ทรงบุญ ดาราของการประกาศข่าวดีใหม่ ผู้ทรงนำพระคริสตเจ้าเข้ามาในโลก ผู้ทรงเป็นความสว่างส่องนานาชาติและนำความรอดพ้น “ไปจนสุดปลายแผ่นดิน” (กจ13:47)

           

          
                                                                                                                                               ขออวยพรมายังทุกคน

                                                                                                                                         นครวาติกัน  29  มิถุนายน 2009
                                                                                                                                       สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิ๊ก ที่ 16

หน้าหลัก