หน้าหลักเกี่ยวกับคณะฯโรงเรียนของคณะฯติดต่อคณะฯ

7. พระสมณสาสน์เกี่ยวกับพระหฤทัย

           ในปี 1856 พระสันตะสำนักอนุญาตให้คริสตชนทั่วโลกทำวันฉลองพระหฤทัยของพระเยซูเจ้า และตั้งแต่เวลานั้นเป็นต้นมา สมเด็จพระสันตะปาปาทุกองค์ทรงส่งเสริมความเลื่อมใสศรัทธาต่อพระหฤทัยอย่างเป็นทางการ ในปี 1899 สมเด็จพระสันตะปาปาเลโอที่ 13 ทรงประกาศพระสมณสาสน์ “ปีศักดิ์สิทธิ์” (Annum Sacrum) ทรงอธิบายหลักการทางเทววิทยาของการมอบถวายตน (consecration) แด่พระหฤทัยของพระเยซูเจ้า โดยเน้นเป็นพิเศษว่า กิจการใด ๆ ที่แสดงความเลื่อมใสศรัทธาต่อพระหฤทัยของพระเยซูเจ้า “เป็นการแสดงความเคารพต่อ พระบุคคลของพระเยซูเจ้าโดยตรงอย่างแท้จริง”

           ในปี 1928  สมเด็จพระสันตะปาปาปีโอที่ 11 ทรงประกาศพระสมณสาสน์ พระผู้ไถ่ผู้ทรงเมตตากรุณา อย่างยิ่ง (Miserentissimus Redemptor) ทรงย้ำคำสอนของสมเด็จพระสันตะปาปาเลโอที่ 13 เกี่ยวกับการมอบถวายตนแด่พระหฤทัยของพระเยซูเจ้า และทรงอธิบายเพิ่มเติมว่า ความเลื่อมใสศรัทธาต่อพระหฤทัยยังต้อ งมีลักษณะการชดเชยบาป พระองค์ยังทรงนิยามคารวกิจต่อพระหฤทัยของพระเยซูเจ้าว่า เป็น “แก่นแท้ทั้งหม ดของศาสนาคริสต์ และยังเป็นบรรทัดฐานการดำเนินชีวิตที่สมบูรณ์แบบ” เพราะความเลื่อมใสศรัทธาต่อพระ หฤทัยกระตุ้นใจเราให้รักพระเยซูเจ้าอย่างแรงกล้ายิ่งขึ้น และชวนเราให้ปฏิบัติตามพระฉบับของพระองค์ด้วยใจกว้าง

           ในปี 1956 สมเด็จพระสันตะปาปาปีโอที่ 12 ทรงประกาศพระสมณสาสน์ จงตักน้ำ (Haurietis Aquas) ทรงปกป้องความถูกต้องของคารวกิจนี้จากผู้ที่ไม่ยอมรับ และทรงชี้แนะแนวทางแห่งการปฏิรูปความเลื่อมใสศรัทธาต่อพระหฤทัย เพราะทรงยอมรับว่าวิธีปฏิบัติของคริสตชนหลายครั้งมีข้อบกพร่องและอาจจะเสี่ ยงต่อข้อความเชื่อของพระศาสนจักร สำหรับพระองค์คารวกิจต่อพระหฤทัยของพระเยซูเจ้าเป็น “การยืนยันและการปฏิบัติศาสนาคริสต์อย่างถูกต้อง” เพราะเป็นการเคารพความรักของพระเจ้า ที่พระเยซูเจ้าทรงสำแดงแก่เรา  และเป็นการแสดงความรักของเราต่อพระเจ้าและต่อเพื่อนมนุษย์ “บรรดาสัตบุรุษต้องแสวงหาความเลื่อมใสศรัทธาต่อพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ยิ่งของพระเยซูเจ้าจากพระคัมภีร์ จากธรรมประเพณี และจ ากพิธีกรรม ประดุจจากสายน้ำใสบริสุทธิ์ หากเขาอยากรู้ซึ้งถึงธรรมชาติแท้ของความศรัทธานี้ และอยากได้รับอาหารเลี้ยงความกระตือรือร้นและความมั่นคงในศาสนา” (100)

           ในปี 1979 สมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 ประกาศพระสมณสาสน์ฉบับแรก “พระผู้ไถ่มนุษย์” (Redemptor Hominis) ทรงอ้ างโดยตรงถึงพระหฤทัยของพระเยซูเจ้าว่า “การไถ่บาปมนุษย์ในความหมายที่ลึกซึ้งที่สุดก็คือ ความยุติธรรมบริบูรณ์ ในพระหฤทัยของมนุษย์ คือพระหฤทัยของพระบุตรเพียงพระองค์เดียวของพระเจ้า เพื่อความยุติธรรมของพระองค์จะกลายเป็นความยุติธรรมในใจของมนุษย์มากมาย…ผู้ถูกเรียกให้มารับความรัก” (9)

           เมื่อสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ ที่ 16 ยังเป็นพระคาร์ดินัล ทรงเขียนหนังสือที่มีชื่อว่า “จงมองผู้ที่ถูกแทง” พระองค์จึงทรงแสดง ความเลื่อมใสศรัทธาต่อพระหฤทัยอย่างลึกซึ้ง จึงไม่เป็นเรื่องแปลกที่ในปีแรกของสมณสมัยพระองค์ ก็ทรงเขียนพระสมณสาสน์เกี่ยวกับควา มรักของพระเจ้า ในแง่ที่ว่าความรักเป็นธรรมชาติของพระเจ้า

           ในปี 2005 สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ ที่ 16 ทรงประกาศพระสมณสาสน์ “พระเจ้าทรงเป็นความรัก” (Deus Caritas Est) ทรงอธิบายว่า การเป็นคริสตชนไม่ได้เป็นผลของการปฏิบัติธรรมหรือเป็นความคิดที่ ลึกซึ้ง แต่เป็นการพบกับเหตุการณ์หรือบุคคลซึ่งเปิดมิติใหม่และให้แนวทางที่แน่นอนแก่ชีวิต บุคคลนั้นคือพระเยซูเจ้า พระบุตรของพระเจ้า  “พระคัมภีร์เล่าประวัติศาสตร์ความรักของพระเจ้าว่าพระองค์เสด็จมาพบเรา ท รงหาวิธีต่าง ๆ ที่จะชนะใจเรา จนถึงอาหารค่ำมื้อสุดท้ายของพระเยซูเจ้ากับบรรดาศิษย์ จนถึงพระหฤทัยที่ถูกแทงของพระองค์บนไม้กางเขน จนถึงพระเยซูเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพแสดงพระองค์แก่บรรดาศิษย์ แ ละกิจการยิ่งใหญ่ของพระองค์ที่ทรงนำทางแก่พระศาสนจักรแรกเริ่ม โดยอาศัยการกระทำของบรรดาอัครสาวก” (17)

           ความเลื่อมใสศรัทธาต่อพระหฤทัยจึงเตือนเราให้ระลึกว่า พระเยซูเจ้าทรงมอบพระองค์ “สุดจิตใจ” โดยความสมัครพระทัยและความก ระตือรือร้น พระองค์ทรงสอนเราว่า เราต้องทำความดีด้วยความยินดี เพราะ “การให้ย่อมเป็นสุขมากกว่าการรับ”(กจ 20:35) และ “พระเจ้าทรงรักผู้ที่ให้ด้วยใจยินดี ”(2 คร 9:7) การกระทำเช่นนี้ไม่มาจากความตั้งใจของมนุษย์ แต่เป็นพระหรรษทานที่พระเยซูเจ้าทรงมอบแก่เรา เป็นข องประทานจากพระจิตของพระองค์ ทำให้ทุกสิ่งเป็นเรื่องง่ายและค้ำจุนชีวิตประจำวันของเรา แม้ในเวลาถูกทดลองและเผชิญกับยากลำบาก
 

หน้าหลัก