หน้าหลักเกี่ยวกับคณะฯโรงเรียนของคณะฯติดต่อคณะฯ

รหัส    

00000

ชื่อ / นามสกุล

ซิสเตอร์ อาแดล (โรซา สุรีย์) มั่นใจ

ชื่อนักบุญ

น.โรซา

สัตบุรุษวัด

วัดแม่พระเป็นที่พึ่ง ท่าหว้า กาญจนบุรี

เข้าอาราม

22 กันยายน 1934  โดยมีคุณพ่อ วิคตอเรียเป็นผู้รับรองและส่งเข้าคณะ

รับไม้กางเขน

22 กันยายน1935

เข้านวกภาพ

28 เมษายน 1940

ปฏิญาณครั้งแรก

3 พฤษภาคม 1942

ปฏิญาณตลอดชีพ

20 เมษายน 1950

ฉลอง 25 ปี

22 กันยายน 1959 (นับตั้งแต่เข้าอาราม)

ฉลอง 50 ปี

11 เมษายน 1992

มรณะ

15 ตุลาคม  2015

คติพจน์

 

ประวัติการทำงาน

 

วัดนักบุญเปโตร นครชัยศรี

 

วัดเซนต์ร็อค ท่าไข่

 

วัดแม่พระสกลสงเคราะห์    บางบัวทอง

 

วัดเซนต์นิโคลาส พิษณุโลก

 

วัดนักบุญเปาโลกลับใจ บ้านนา

 

วัดนักบุญเทเรซาโนนแก้ว

 

วัดพระนามกรเยซู บ้านแป้ง (2รอบ)

 

สำนักศูนย์กลาง

 

วัดนักบุญยอแซฟ อยุธยา

 

วัดดวงหทัยนิรมลฯ ปากลัด

 

วัดพระวิสุทธิวงส์ ลำไทร (2รอบ)

 

วัดนักบุญยอแซฟ ตรอกจันทน์

 

วัดแม่พระประจักษ์ สองพี่น้อง

 

วัดแม่พระประจักษ์ บางสะแก

 

วัดพระหฤทัยเชียงใหม่และวัดพระคริสตประจักษ์ เกาะใหญ่

 

 

 

 

ซิสเตอร์อาแดลเป็นซิสเตอร์พระหฤทัยฯท่านหนึ่งที่เกือบทั้งชีวิตได้ตอบสนองต่อพระพรพิเศษของคณะด้วยการร่วมมือกับพระสงฆ์ในงานแพร่ธรรมของวัด ดังเห็นได้จากการที่ท่านถูกส่งไปทำงานตามวัดหลายแห่งด้วยกัน เริ่มตั้งแต่ท่านยังเป็นผู้ฝึกหัดขั้นแรกคือยุวนิส โดยท่านได้ถูกส่งไปฝึกงานที่วัดนักบุญเทเรซาหน้าโคก และในขณะที่เป็นนวกเณรีปีที่ 2 ได้ถูกส่งไปฝึกหัดตัวที่วัดเซนต์ร็อค ท่าไข่
หลังจากที่ซิสเตอร์ได้ปฏิญาณตนครั้งแรกแล้ว ซิสเตอร์ได้ถูกส่งไปทำงานตามวัดต่างๆ ดังนี้ คือ วัดนักบุญเปโตร นครชัยศรี วัดเซนต์ร็อค ท่าไข่ วัดแม่พระสกลสงเคราะห์   บางบัวทอง วัดเซนต์ นิโคลาส พิษณุโลก วัดนักบุญเปาโลกลับใจ บ้านนา วัดนักบุญเทเรซาโนนแก้ว วัดพระนามกรเยซู บ้านแป้ง (2รอบ) สำนักศูนย์กลาง วัดนักบุญยอแซฟ อยุธยา วัดดวงหทัยนิรมลฯ ปากลัด  วัดพระวิสุทธิวงส์ ลำไทร(2รอบ)  วัดนักบุญยอแซฟ   ตรอกจันทน์
วัดแม่พระประจักษ์ สองพี่น้อง วัดแม่พระประจักษ์ บางสะแก วัดพระหฤทัยเชียงใหม่และวัดพระคริสตประจักษ์ เกาะใหญ่
ในแต่ละวัดที่ซิสเตอร์อาแดลไปทำงานอยู่นั้น ท่านอยู่ในฐานะทั้งที่เป็นซิสเตอร์ผู้น้อยและอธิการิณี โดยสลับปรับเปลี่ยนไปตามวาระตามที่ผู้ใหญ่มอบหมาย หน้าที่ส่วนใหญ่ที่ ซิสเตอร์กระทำคือ การเป็นคุณครูสอนเรียน ครูสอนคำสอน ดูแลด้านโภชนาการและร้านอาหาร ดูแลทำความสะอาดวัด ดูแลพิธีกรรม และเยี่ยมเยียนสัตบุรุษ ซึ่งท่านได้กระทำอย่างดีและเต็มความสามารถของท่าน    ซึ่งเห็นได้จากรายงานของบรรดาพระสงฆ์เจ้าวัดที่กล่าวไปในทิศทางเดียวกันว่า ซ.อาแดลเป็นผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างดี ดูแลเอาใจใส่พระสงฆ์และเพื่อนภคินีที่อยู่ด้วย มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับบรรดาสัตบุรุษผู้ร่วมงาน นักเรียนและกับบุคคลทั่วไป ตั้งใจบำเพ็ญภาวนา ถือศีลเคร่งครัด มีความซื่อสัตย์ต่อชีวิตนักบวช เป็นคนมีนิสัยใจคอหนักแน่น สม่ำเสมอ สุภาพเรียบร้อย รักษาหน้าที่ของตนอย่างดี
ต่อมาเมื่อซิสเตอร์อาแดลมีอายุมากขึ้น แต่ด้วยหัวใจที่ร้อนรนในการทำงานของพระ ทางคณะจึงส่งท่านไปร่วมงานกับคุณพ่อโจเซฟ ไมเออร์ ที่ศูนย์ส่งเสริมการพัฒนาบุคคล โดยคุณพ่อมอบหมายให้     ซิสเตอร์ไปทำงานที่ศูนย์เด็กปฐมวัยช่องนนทรี        เย็นอากาศ 2 ซึ่งท่านได้ทำงานในที่แห่งนี้เป็นเวลายาวนานถึง 20 ปี จนในที่สุดคณะให้ท่านได้พักจากภารกิจโดยใช้ชีวิตในบั้นปลายที่บ้านพระแม่
ซ.อาแดลเป็นแบบอย่างของธรรมทูตแพร่ธรรมที่อุทิศตนเพื่อพระคริสตเจ้า ท่านมีหัวใจของพระเยซูเจ้าที่รักและเมตตาและพร้อมที่จะออกติดตามหาลูกแกะที่หลงไป ในช่วงที่ท่านทำงานอยู่ที่ศูนย์เด็กเล็กนี้ ท่านเริ่มต้นภารกิจของท่านด้วยการใช้เวลาในการสวดภาวนาต่อหน้าศีลมหาสนิทเป็นอันดับแรก จากนั้นท่านออกเดินด้วยเท้าของท่าน ซึ่งใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที
และเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจที่ศูนย์เด็กเล็กแล้ว ท่านใช้เวลาเดินกลับอารามในช่วงบ่ายอีกครั้ง ทำให้ท่านได้มีโอกาสทักทาย พบปะและพูดคุยกับผู้คนในชุมชนคลองเตย ตลาดปีนัง ช่องนนทรี ด้วยอัธยาศัยไมตรีทั้งขาไปและขากลับ ทุกคนต่างรับรู้ว่าท่านว่าเป็นนักบวช เป็นคนของพระ และให้การต้อนรับท่านเป็นอย่างดี

ซ.อาแดลจึงเป็นแบบอย่างของนักบวชที่พร้อมอุทิศตนในการทำหน้าที่ต่างๆ ด้วยใจรัก ขยัน อดทน เสียสละ เอาจริงเอาจัง และทุ่มเทในการทำงานโดยไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย เป็นต้นการอุทิศตนเพื่อช่วยวิญญาณให้รอด ท่านเคยให้สัมภาษณ์ในหนังสืออุดมสารว่า “เราไม่รู้สึกเหนื่อย เราทำงานกับพระเป็นเจ้า เราไม่เคยเหนื่อย ไม่เคยรู้สึกท้อใจ พระอยู่กับเราเสมอ เวลาเดินไปเราก็บอกว่าเราเดินไปพร้อมกับพระเยซู เราไม่เหนื่อย อาจมีบ้างนิดหน่อยแต่เดี๋ยวก็หาย ถึงแม้จะร้อนก็ตาม”
แบบอย่างที่โด่ดเด่นมากในชีวิตของ             ซิสเตอร์อาแดลก็คือ การออกเยี่ยมเยียนผู้คนอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งท่านกระทำตั้งแต่เมื่อท่านอยู่ตามวัด และเมื่อมาอยู่ที่สำนักศูนย์กลาง ท่านไม่ได้ออกเยี่ยมเยียนแต่เฉพาะชุมชนใกล้เคียงนี้เท่านั้น แต่ท่านออกเยี่ยมเยียนสัตบุรุษที่อยู่ห่างไกลและรวมถึงการไปเยี่ยมเยียนญาติที่น้องที่ห่างไกลวัดหรือผู้ที่ยังไม่รู้จักพระเจ้าด้วย บ่อยครั้งท่านจะชวนซิสเตอร์รุ่นน้องๆออกไปเยี่ยมเยียนกับท่าน ซึ่งถือเป็นการถ่ายทอดจิตตารมณ์ โดยที่ท่านไม่ต้องเทศน์สอน
ท่านใช้ความสม่ำเสมอของการเยี่ยมเยียนเป็นอาวุธ ท่านพูดคุยอย่างยิ้มแย้มและทักทายผู้คนอย่างอ่อนโยน พูดให้กำลังใจ อันเป็นการแสดงออกซึ่งความรัก ความห่วงใย จนทำให้สัตบุรุษหลายคนที่เคยทิ้งวัดไปได้กลับใจ ท่านไม่เคยละโอกาสในการพูดถึงพระเจ้ากับผู้คนที่พบปะ จนทำให้หลายคนมีความเชื่อในพระเจ้าและขอรับศีลล้างบาปเป็นคริสตชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เจ็บป่วย ซึ่งซิสเตอร์เคยแบ่งปันไว้ว่า เราจะต้องโปรดศีลให้เขาอย่ารอจนเขาป่วยหนัก เพราะเดี๋ยวจะไม่ทัน เราต้องโปรดศีลตอนที่เขายังดี ยังรู้ตัวดี โดยที่เขาเข้าใจดี ซิสเตอร์ยังกล่าวอีกว่า “เรารู้สึกดีใจที่ได้วิญญาณของพวกเขา”
ประจักษ์พยานชีวิตที่เด่นชัดอีกประการหนึ่งคือการดำเนินชีวิตนักบวชอย่างผู้ยากจนเยี่ยงพระคริสตเจ้า ซิสตอร์อาแดลดำเนินชีวิตนักบวชอย่าง เรียบง่าย สมถะ ท่านรับประทานอาหารแต่น้อยและใช้สิ่งของตามความจำเป็นเท่านั้น ท่านไม่สะสมหรือแสวงหาสิ่งของเครื่องใช้ใดๆที่เกินความจำเป็นเลย ท่านพอใจในสิ่งที่มีและสิ่งที่เป็น ท่านมัธยัสถ์ต่อตนเอง แต่มีน้ำใจกว้างต่อผู้คน ท่านพร้อมที่จะแบ่งปันสิ่งที่มีกับผู้อื่นอยู่เสมอ เป็นต้นแก่คนยากจน ภาพที่พวกเราเห็นจนชินตาคือท่านจะเดินหิ้วอาหารจากอารามไปทุกๆเช้าเพื่อนำไปแบ่งปันให้กับคุณครูที่ศูนย์หรือนำไปแบ่งปันให้กับคนยากจนที่ไม่มีอาหารทาน นอกจากนั้นท่านยังสละทรัพย์สิ่งของที่ได้มาเพื่อนำไปใช้เพื่องานแพร่ธรรมของท่าน บางครั้งท่านยอมเป็นท่อธารหรือเป็นสื่อกลางเพื่อคนจน โดยท่านจะไปขอจากบุคคลที่มีมากกว่าเพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับคนยากจนอีกด้วย
ซิสเตอร์อาแดลเป็นบุคคลที่ดำเนินชีวิตอย่างสุภาพ ถ่อมตนและมีจิตใจรักเด็กๆ ท่านทำงานทุกอย่าง แม้ในสายตามนุษย์อาจจะดูเหมือนเป็นสิ่งน้อย แต่ในสายตาของพระเจ้าแล้วกลับกลายเป็นสิ่งล้ำค่ามาก ท่านอุทิศชีวิตเพื่อเด็กๆในศูนย์เด็กเล็กที่ช่องนนทรีเป็นเวลายาวนานถึง 20 ปี ภาพของซิสเตอร์อาวุโสคนหนึ่งที่อยู่ท่ามกลางเด็กๆ และทำทุกอย่างเพื่อบริการเด็กๆในศูนย์แห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมอาหาร การเตรียมถ้วยชาม การปอกผลไม้ การชงนม การแจกอาหาร การเก็บล้างถ้วยชามหรือแม้แต่การปลอบโยนบรรดาเด็กๆที่ร้องไห้ ท่านเคยบันทึกไว้ว่า “อุดมคติของชีวิต คือ ต้องการอยู่กับพระทั้งในโลกนี้และโลกหน้า ต้องการช่วยพระองค์ในทุกสิ่งที่พระองค์ต้องการและดลใจให้ทำ”
ท่านยังเป็นแบบอย่างที่ดีในด้านความเชื่อและความศรัทธาในพระเจ้า ท่านตรงต่อเวลา ซื่อสัตย์ในการสวดภาวนา หมั่นทำพลีกรรมอยู่เสมอ นอกจากนั้นท่านยังมีความศรัทธาต่อแม่พระมากๆ เพราะมือของท่านจะถือสายประคำไม่เคยขาด และท่านจะสวดภาวนาอุทิศแด่วิญญาณในไฟชำระอย่างสม่ำเสมอ
ท่านเคยกล่าวให้ข้อคิดไว้ว่า “การเป็นนักบวชที่ดีมันไม่ยาก เราต้องถือระเบียบที่กำหนดอย่างเคร่งครัด ถือตามตารางเวลาอย่างดี เช่นเมื่อตีระฆังตื่นนอน เราก็ตื่นอย่านอนต่อ เมื่อจะไปเข้าวัดก็ต้องแต่งตัวให้เรียบร้อย ไปเข้าวัดอย่างสม่ำเสมอ ไม่ขาดวัด อย่าขี้เกียจ เราต้องรู้จักฝืนใจตนเอง ถ้าลำบากให้คิดว่าไม่เป็นไร ถ้าง่วงนิดก็ไม่เป็นไร เราถือตามวินัยที่กำหนดให้เรา ต้องถือความบริสุทธิ์ ถือความนบนอบ ความยากจน ใช้เงินน้อยหรือใช้ตามที่เขากำหนดให้
 เราต้องอยู่กับพระ ต้องสวดภาวนา สวดลูกประคำ เราต้องรู้จักถือเงียบอย่างดี เราต้องคิดถึงพระอย่างเดียว และเรื่องสวดภาวนาอย่าขาดเลย”
ซ.อาแดล ยังเป็นซิสเตอร์อาวุโสที่ซื่อๆ ร่าเริง ตลก ขี้อายบางครั้ง แต่ท่านเป็นคนฉลาด มีไหวพริบและสามารถปรับตัวเข้าได้กับคนทุกเพศ ทุกวัยและทุกอาชีพ ไม่ว่าใครๆที่พบปะและพูดคุยกับท่านจะได้รับความสุข ความสนุกสนาน ซิสเตอร์รุ่นน้องมักจะไปพูดคุยหรือมีปฏิสัมพันธ์กับท่านอยู่เสมอ ที่สำคัญท่านไม่เคยพูดว่าเพื่อนพี่น้องใดๆในคณะ ตรงกันข้ามท่านกลับสอนและให้ข้อคิดเตือนใจไว้ว่า “เวลาพูดกับเพื่อนก็พูดกันดีๆ พยายามมองเขาในแง่ดี เราต้องพยายามพูดและคิดในแง่ดีเสมอ” ชีวิตของท่านจึงเต็มไปด้วยความงดงามที่พวกเราสมาชิกคณะพระหฤทัยรู้สึกภาคภูมิใจและขอยึดถือเป็นแบบอย่าง
ซิสเตอร์อาแดลยังได้ชื่อว่าเป็นผู้เพาะบ่มกระแสเรียกที่ดี ท่านมีลูกศิษย์มากมายทั้งที่เป็นพระสังฆราช พระสงฆ์ และนักบวชชาย หญิง เพราะในทุกๆแห่งที่ท่านไปอยู่ ท่านจะให้ความสนใจ เอาใจใส่บรรดาเด็กๆ และสอนคำสอนอยู่เสมอ อีกทั้งยังคอยชักชวนเด็กๆให้มาบวช รวมถึงการดำเนินชีวิตที่ดีของท่าน จึงเป็นแบบอย่างและเป็นแรงดึงดูดให้บรรดาเด็กๆอยากมาใช้ชีวิตนักบวช เช่นเดียวกับท่าน  ดังนั้นชีวิตของท่านจึงเป็นดั่งเมล็ดซีนาปิสที่แม้เป็นเพียงเมล็ดเล็กๆ แต่เพราะท่านได้ยอมตายต่อตนเอง และยอมให้เจริญเติบโตขึ้น จนทำให้ชีวิตของท่านได้กลายเป็นต้นไม้ใหญ่และบังเกิดผลในพระศาสนจักรต่อๆไป
ซ.อาแดล เป็นคนที่มีสุขภาพแข็งแรง เพราะท่านดูแลรักษาสุขภาพของตนเองอย่างดีมาตลอด แม้ในวัยที่ต้องพักอยู่ที่บ้านพระแม่ ท่านแทบจะไม่ต้องไปหาหมอหรือรับประทานยาใดๆเลย แต่ด้วยอายุที่มากขึ้นและด้วยแรงที่ถดถอยลง ทำให้ท่านหกล้มจึงทำให้ต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลและต่อมาไม่สามารถเดินได้อีก ซิสเตอร์จึงต้องนอนอยู่บนเตียงและใช้ช่วงเวลาในระยะสุดท้ายของชีวิตปีกว่าๆเพื่อร่วมส่วนกับพระมหาทรมานของพระเยซูเจ้า ด้วยการน้อมรับความเจ็บปวดและความยากลำบากที่เกิดขึ้นเป็นพลีบูชา
และในที่สุด พระเจ้าได้มารับดวงวิญญาณของ                  ซิสเตอร์อาแดลไปอยู่ร่วมกับพระองค์ในสวรรค์                        ในวันที่ 15 ตุลาคม ค.ศ. 2015 เวลา 15.00 น. ด้วยอายุ 97 ปี      และมีอายุการปฏิญาณถวายตัวแด่พระเจ้า 73 ปี 5 เดือน
 

15 ตุลาคม ซ.อาแดล ล่วงลาจาก       
วิญญาณ์พราก กายา สู่สวรรค์
เข้าเฝ้าองค์ พระเจ้า ผู้ทรงธรรม์      
กุศลนำ แนบชิด สนิทองค์
     73 ปี อุทิศตน แบบอย่างพร้อม        
     ด้วยสุภาพ นอบน้อม ตามพระประสงค์
     สมถะ ยากจน  มั่นดำรง                
     ใจซื่อตรง ถวายมอบ พร้อมยอมพลี
ประกาศพระคริสต์ ร้อนรน ในทุกที่ 
ทุกชีวี ดั่งด้นไป ไม่หันหนี
พระเมตตา ของพระเจ้า ล้นชีวี       
ซร้องยินดี พระนามองค์ กึกก้องไป
     ขอขอบคุณ แบบอย่างดี ที่มีให้           
     ทุกดวงใจ ร่วมสานต่อ มิกังไข
     ซิสเตอร์ล่วงหน้า สายใยอยู่ คู่หทัย   
     ภาวนาไซร้ รวมเราสู่ รักนิรันดร์

ขอโมทนาคุณพระเจ้าที่ทรงโปรดประทานซิสเตอร์อาแดลมาเป็นสมาชิกที่ดีของคณะพระหฤทัยฯแห่งนี้ ท่านได้ร่วมสร้างและสานพันธกิจแห่งรักและรับใช้พระคริสตเจ้าด้วยจิตตารมณ์เยี่ยงพระหฤทัยฯ บัดนี้พวกเรามั่นใจว่า พันธกิจที่พระเป็นเจ้าทรงมอบหมายให้กับซิสเตอร์ได้สำเร็จบริบูรณ์แล้วในชีวิตของท่าน พวกเราทุกคนจึงขอวิงวอนพระเป็นเจ้าโปรดรับดวงวิญญาณของซิสเตอร์โรซา อาแดล มั่นใจ ให้เข้าร่วมส่วนในความบรมสุขกับพระองค์ในสวรรค์เทอญ